กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--บีโอไอ
บีโอไอ สร้างเครือข่ายชักจูงการลงทุนกับ RHB Bank Berhad ของประเทศมาเลเซีย เพื่อชักจูงนักลงทุนในภูมิภาคอาเซียน หลังประสบความสำเร็จในการร่วมพันธมิตรกับแบงก์ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และออสเตรีย โดยจะร่วมมือกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนและการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเชิงลึก ตลอดจนการให้คำแนะนำลูกค้าของธนาคารให้มาลงทุนในประเทศไทย
นายสาธิต ศิริรังคมานนท์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า วันนี้ (24 ก.พ.2549 ) นาย Dato Shaarani Ibrahim เอกอัครราชทูตมาเลเซีย ประจำประเทศไทยร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยนายสาธิต ศิริรังคมานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กับ ธนาคาร RHB Bank Berhad ประเทศมาเลเซีย โดย Mr. Dato Abdullah, Vice Chairman ของ RHB Bank โดยการลงนามความเข้าใจครั้งนี้เป็นการขยายเครือข่ายในการชักจูงการลงทุนจากกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน หลังจากที่บีโอไอประสบความสำเร็จในการสร้างเครือข่ายการลงทุน โดยการทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับ ธนาคารขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ธนาคาร RZB แห่งประเทศออสเตรีย และธนาคารเครดิตอะกริกอล อินโดสุเอซ ของฝรั่งเศสมาแล้ว
การลงนามดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างบีโอไอกับธนาคาร RHB Bank Berhad ของมาเลเซีย เพื่อชักจูงนักลงทุนจากประเทศมาเลเซียเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยจะมีความร่วมมือในด้านต่างๆ อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเชิงลึกระหว่างกัน การให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้าของธนาคารที่สนใจลงทุนในไทย การจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุน เช่น การสัมมนา การจัดมิชชั่นด้านการลงทุนจากมาเลเซียมาไทย และจากไทยไปมาเลเซีย เป็นต้น
RHB Bank Berhad ได้ดำเนินกิจการในประเทศไทยมาเป็นเวลายาวนาน และเป็นสถาบันการเงินที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศมาเลเซีย มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ปัจจุบัน RHB Bank มีสาขากว่า 200 สาขาทั่วทั้งประเทศมาเลเซีย และนอกจากสาขาในกรุงเทพฯแล้ว ยังมีสาขาอีก 6 แห่งในสิงคโปร์ และอีก 1 แห่งที่บรูไน
RHB Bank ได้รับการยกย่องให้เป็นธนาคารที่มีการดำเนินงานยอดเยี่ยมที่สุดของประเทศมาเลเซีย จากการจัดลำดับของนิตยสาร Finance Asia and Euromoney ในปี 2540 สำหรับสาขาในกรุงเทพฯ มีผู้จัดการใหญ่ คือ Mr. Tai Chong Yih ผู้มีประสบการณ์ในวงการธนาคารกว่า 20 ปี
สำหรับการลงทุนจากประเทศมาเลเซียในไทย ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา(2544-2548) มีโครงการจากมาเลเซียที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ จำนวน 157 โครงการ มีมูลค่าการลงทุน 66,287 ล้านบาท หากพิจารณาจำนวนโครงการลงทุนจากมาเลเซียเฉพาะปี 2548 มีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมจำนวน 36 โครงการ คิดเป็นเงินลงทุน 20,406 ล้านบาท โดยการลงทุนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ และเครื่องจักร รองลงมาคือ กลุ่มปิโตรเคมี ส่วนอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุด คือ อุตสาหกรรมในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดถึง 14,444 ล้านบาท--จบ--