กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประกาศผลงานครึ่งปีกำไร 1,632 ล้านบาท เน้นสร้างกำไรแบบพอเพียง พร้อมอยู่เคียงข้างผู้อยากมีบ้านทุกสถานการณ์
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประกาศผลการดำเนินงานครึ่งปี 2549 กำไรสุทธิ 1,632 ล้านบาท เผยช่วงที่ผ่านมา ธนาคารเน้นสร้างความสมดุลสภาพคล่องทางการเงิน ด้วยการระดมเงินฝาก เพื่อปล่อยกู้ได้ตามความต้องการของลูกค้า และเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ เผยเหตุ ต้นทุนสูงอีกทั้งนโยบายรัฐบาลขอความร่วมมือในการไม่ปรับเพิ่มดอกเบี้ยเงินกู้ทำให้ธนาคารมีกำไรลดลง 40.68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ครึ่งปีหลังเน้นสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์สินเชื่อเกี่ยวกับอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวกับบ้าน พร้อมดูแล NPL อย่างใกล้ชิด
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ของปี 2549 (ก่อนการรับรองงบการเงินจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 ว่า ธนาคารสามารถสร้างผลกำไรจากการดำเนินงาน 1,632 ล้านบาท ด้วยช่วงดังกล่าวธนาคารได้มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้สามารถแข่งขันในการระดมเงินจากลูกค้ารายย่อย รองรับปริมาณความต้องการลูกค้าที่เข้ามาขอสินเชื่อจากทางธนาคาร ซึ่งจำนวนเงินที่เข้ามาทำให้ธนาคารมีสภาพคล่องในการปล่อยสินเชื่อได้ถึงต้นปี 2550 อย่างไรก็ตามด้วยนโยบายของรัฐบาลที่ได้ขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจชะลอการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ดังนั้นธนาคารยังคงยึดนโยบายตรึงส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และเงินกู้ให้น้อยที่สุด ทำให้กำไรในช่วงดังกล่าวของธนาคารลดลง 40.68% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลการดำเนินงานเมื่อเปรียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 ธนาคารมียอดสินเชื่อ คงค้างรวมทั้งสิ้น 505,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.24% โดยครึ่งแรกของปี 2549 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึง 56,718 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 88,579 ราย ด้านเงินฝากธนาคารมียอดเงินฝากรวมทั้งสิ้น 434,977 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.79% ซึ่งเป็นผลจากการที่ธนาคารปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2549 ทำให้การระดมเงินของธนาคารสามารถทำได้สูงถึงกว่า 80,000 ล้านบาท เพียงพอต่อปริมาณความต้องการของลูกค้าไปจนถึงต้นปี 2550
ธนาคารมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 594,208 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.08% โดยมีหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ลดลงเหลือ 6.12% ของยอดสินเชื่อรวม หรือ 30,915 ล้านบาท และทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ NPA คงเหลือ 8,523 ล้านบาท ในส่วนของเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) ขณะนี้อยู่ระหว่างการคำนวนตัวเลขใหม่ เนื่องจากมีประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ฉบับใหม่ ในเรื่องกฏเกณฑ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้ปานกลาง จนถึงรายได้น้อยมีบ้านเป็นของตนเอง ด้วยตัวเลข ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 40% ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปคงค้าง และสูงถึง 49.9% ของสินเชื่อบุคคลทั่วไปปล่อยใหม่ “ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังคงมีความผันผวน อันสืบเนื่องมาจากการ
ปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ส่งผลให้สินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาธนาคารจึงได้สร้างสรรค์ 6 แนวทางการให้ความช่วยเหลือ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของการชำระค่าเงินงวดในการผ่อนบ้าน ด้วยการปรับลดเงินงวดเป็นกรณีพิเศษสำหรับลูกค้าที่ที่กำลังเริ่มประสบปัญหา และลูกค้าที่ค้างชำระหนี้มานาน สำหรับการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารยังคงเน้นการปล่อยสินเชื่อให้ได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ แม้สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน ประกอบกับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2549 ธนาคารได้เริ่มให้บริการสินเชื่อเกี่ยวกับอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับธนาคาร เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่คิดอัตราดอกเบี้ย MRR หรือ 7.75% ในปัจจุบัน และช่วยเหลือประชาชนเนื่องจากเป็น
อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับสินเชื่อที่มีลักษณะคล้ายกันของแหล่งเงินกู้ที่มิใช่สถาบันการเงินที่ลูกค้าส่วนใหญ่ใช้บริการอยู่ในปัจจุบัน” นายขรรค์กล่าว