กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์
LPN ผุด 5 โครงการ ปี 49 มูลค่ากว่า 8.5 พันล้าน
ดึงกลยุทธ์ใหม่รักษาความเป็นผู้นำ พร้อมขยายฐานคอนโด 5 แสน
LPN เผยผลประกอบการปี 2548 โกยยอดขายกว่า 7 พันล้านบาท โตขึ้นกว่า 60 % มีรายได้รวมมากถึง 3,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกือบ 50% จากการโอนกรรมสิทธิ์ที่เกินเป้าหมาย ส่งผลให้ยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 31 % เผยปี 49 ตั้งเป้าเปิดตัว 5 โครงการ มูลค่ากว่า 8.5 พันล้านบาท เอาใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยกลยุทธ์ Semi-Tailor Made จัดวางผังและตกแต่งห้องชุดตามความต้องการ พร้อมเดินหน้าพลิกโฉมตลาดคอนโดระดับกลาง ควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชนรอบโครงการ
นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลประกอบการปี 2548 ว่า บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่สูงเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยสามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 4,100 ยูนิต มูลค่า 7 พันล้านบาท สูงกว่าปีก่อนกว่า 60% และมีรายได้รวมประมาณ 3,600 ล้านบาท สูงกว่าปี 2547 ซึ่งมีรายได้รวม 2,500 ล้านบาท เกือบ 50% โดยรายได้รวมของบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นผลมาจากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดพักอาศัยใน 3 โครงการ รวมประมาณ 2,281 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ สามารถส่งมอบห้องชุดให้แก่ลูกค้าได้ตามเป้าหมายในทุกโครงการ และจากจำนวนคอนโดมิเนียมที่คาดว่าจะมีการจดทะเบียน ณ สิ้นปี 2548 ประมาณ 11,000 ยูนิต ส่งผลให้ LPN มีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจคอนโดมิเนียมถึง 31 % หรือประมาณ 3,420 ยูนิต
“การที่ LPN ยังสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียมได้นั้น เกิดจากการแสวงหาตลาดใหม่ๆ (Market Space) ที่แม่นยำอยู่ตลอดเวลา โดยเป็นตลาดที่มีการแข่งขันต่ำ แต่มีความต้องการสูง (Blue Ocean) ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่เราดำเนินงานมาตลอดตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ LPN เป็นผู้นำในการสร้างตลาดใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่น โครงการลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา โครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ห่างจากถนนสีลมเพียง 4.5 กม. ด้วยราคาขายเพียง 1.5 ล้านเศษ ในขณะที่โครงการอื่นๆ มีราคาขายมากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งถือเป็นตัวอย่างของการพัฒนาโครงการตามแนวคิดข้างต้น” ประธานกรรมการบริหาร กล่าว
นอกจากใช้กลยุทธ์หลัก Blue Ocean แล้ว ยังมีกลยุทธ์อื่นๆ ที่สำคัญ ได้แก่
1) กลยุทธ์ทางการตลาด ได้แก่ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน (Focus) ที่มุ่งพัฒนา คอนโดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในระดับกลาง-กลางล่าง ครอบครัวใหม่ หรือผู้ที่ต้องการ บ้านหลังที่สองใกล้ที่ทำงานหรือสถานศึกษา ในราคาขายที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (Cost Leadership) ที่ทำให้บริษัทฯ สามารถกำหนดราคาขายที่สอดรับกับ ความสามารถในการผ่อนชำระในอนาคตของลูกค้า และการสร้างความแตกต่าง (Differentiation) ทั้งทางในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในรูปแบบของ LPN Design และ บริการทั้งก่อนและหลังการขาย โดยเฉพาะการบริหารอาคารชุด ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัทตลอดมา
2) กลยุทธ์ด้านการพัฒนาโครงการ ได้แก่ การพัฒนาคอนโดมิเนียมในรูปแบบชุมชนเมืองขนาดย่อม
(Small Size Township) ภายใต้คอนเซ็ปต์ LPN X-Place เพื่อมุ่งตอบสนองความต้องการรอบด้านของการ
ใช้ชีวิตในเมือง โดยมีโครงการลุมพินี วิลล์ ศูนย์วัฒนธรรมเป็นโครงการนำร่อง ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 80% และ การกระจายการพัฒนาโครงการสู่ทำเลใหม่ (Location Expansion) โดยปี 2548 ได้ขยายทำเลใหม่ไปยังย่านฝั่งธนบุรี ได้แก่ โครงการลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า ซึ่งสามารถปิดการขายได้ 100% แล้ว หรือลุมพินี วิลล์ พหล-สุทธิสาร ย่านสะพานควาย ซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2547 ปัจจุบันโครงการเสร็จสมบูรณ์มีลูกค้าเข้าอยู่อาศัยแล้วกว่า 80% สะท้อนให้เห็นอุปทานของตลาดอสังหาริมทรัพย์ (Supply) ในระดับราคาเฉลี่ย 30,000-40,000 บาท/ตร.ม. ยังมีปริมาณที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการที่เกิดขึ้นจริง (Real Demand)
โดยในปี 2548 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พัฒนาอาคารชุดพักอาศัยทั้งสิ้น 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7 พันล้านบาท ได้แก่ 1) ลุมพินี เซ็นเตอร์ แฮปปี้แลนด์ เฟส 5 2) ลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า 3) ลุมพินี วิลล์ ศูนย์วัฒนธรรม และ 4) ลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามกลยุทธ์ในการมุ่งขยายฐานลูกค้า โดยการพัฒนาโครงการในเขตชุมชนรอบนอกที่มีความหนาแน่นสูง (High Density Out-Skirt Area) ใกล้ระบบคมนาคมและขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ ซึ่งทุกโครงการล้วนประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการตอบรับที่ดี ทั้งจากฐานลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ รักษาการ กรรมการผู้จัดการ กล่าวถึง แนวทางการดำเนินงานในปี 2549 ว่า บริษัทฯ มีแผนพัฒนาคอนโดมิเนียม จำนวน 5 โครงการ มูลค่ากว่า 8,500 พันล้านบาท และมีแผนการรับรู้รายได้มากกว่า 4,500ล้านบาท จาก 4 โครงการที่เปิดตัวในปี 2548 และทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จ และนอกจากกลยุทธ์ต่างๆ ข้างต้นที่ LPN ยังคงให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องแล้ว ในปี 2549 นี้ บริษัท ฯ ยังมีกลยุทธ์ใหม่ๆ ในการรักษาความเป็นผู้นำด้านธุรกิจคอนโดมิเนียมท่ามกลางสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรง ได้แก่
1) การรักษาฐานลูกค้าเก่าระดับกลางบน-กลาง โดยพัฒนาคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองในระดับราคา 1 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ปี ใกล้ระบบคมนาคมขนส่งขนาดใหญ่ โดยเน้นกลยุทธ์การสร้าง ความพึงพอใจสูงสุด ด้วยการให้บริการที่แตกต่าง (Differentiation) โดยลูกค้าสามารถ ปรับเปลี่ยนห้องชุดให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด (Semi-Tailor Made) โดยไม่กระทบกับโครงสร้างหลัก ภายใต้รูปแบบที่บริษัทฯ กำหนดขึ้น เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง
2) การเจาะฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ซึ่งมีคู่แข่งน้อยราย คือ ตลาดคอนโดมิเนียมระดับ C+ ซึ่งเป็น
ฐานลูกค้าที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยสูง แต่ปริมาณสินค้าในตลาดยังมีจำนวนจำกัด ด้วยราคาขายเพียง 5 แสนบาทต่อยูนิต ผ่อนชำระต่อเดือนประมาณ 3-4 พันบาท โดยพัฒนาโครงการในรูปแบบของ Small Size Township บนทำเลที่แวดล้อมด้วยระบบคมนาคมขนส่งขนาดใหญ่ หรือแหล่งชุมชนหนาแน่น
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีแผนพัฒนาห้องชุดรูปแบบใหม่ ภายใต้มาตรฐาน LPN Design ให้มีพื้นที่ใช้สอยที่สอดคล้องกับความต้องการในการดำเนินชีวิตของลูกค้ากลุ่มดังกล่าว
3) การพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารอาคารชุด หลังการโอนกรรมสิทธิ์ เพื่อสร้างเสริมชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้พักอาศัย ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่สร้างความแตกต่าง (Differentiation) และเป็นจุดแข็งของบริษัท
4) การรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (CESR) ให้ความสำคัญและวางแผนดำเนินกิจกรรมต่างๆ
ด้านการรักษาสภาพแวดล้อม และการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคมเมืองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล
โดยในครึ่งปีแรก ของปี 2549 บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวคอนโดมิเนียม จำนวน 3 โครงการ ได้แก่1) ลุมพินี เพลส พหล-สะพานควาย อาคารชุดพักอาศัยสูง 28 ชั้น จำนวน 2 อาคาร บนถนนประดิพัทธิ์ จำนวนประมาณ 1,100 ยูนิต มูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดพรีเซลในวันที่ 20-22 มกราคมนี้ 2) ลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า เฟส 2 จำนวน 600 ยูนิต มูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท และ 3) ลุมพินี เพลส ท่าพระ จำนวน 1,200 ยูนิต มูลค่าประมาณ 2,400 ล้านบาท และจะเปิดตัวอีก 2 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง ในลักษณะของ 4) ลุมพินี เซ็นเตอร์ มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่ม C+ และ5) ลุมพินี เพลส มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท
วิจิตร อวิรุทธิ์, เสาวนีย์ จีระเดชาธรรม, สุปรียา ปิ่นเกตุ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร. 02-285-5011-6 ต่อ 500, 502, 504--จบ--