กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--ก.ไอซีที
นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนาหลักสูตร “การแลกเปลี่ยนเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างภาคธุรกิจ” ว่า กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จัดการสัมมนาครั้งนี้ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ภาคธุรกิจเอกชนสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยรูปแบบที่เป็นมาตรฐานสากล ได้แก่ Rosetta Net ในลักษณะที่เป็นธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อการทำธุรกรรมที่สะดวกรวดเร็ว ลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และลดต้นทุนของธุรกิจ ซึ่งผลสำเร็จของโครงการนี้จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาระบบ National Single Window ให้สัมฤทธิ์ผลตามเป้าหมาย และพัฒนาต่อไปเป็นระบบ National Gateway เพื่อรองรับการเชื่อมโยงการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งที่เป็นธุรกรรมในประเทศและระหว่างประเทศต่อไป
“โครงการ National Single Window ของรัฐบาลไทยนั้น จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมการทำธุรกรรมต่างๆ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมต่อระหว่างหน่วยงานภาครัฐ (G2G) และเชื่อมโยงไปสู่ภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง (B2G) ซึ่งจะทำให้เกิดความคล่องตัว สะดวกรวดเร็ว และลดข้อผิดพลาดต่างๆ ของการทำธุรกรรมด้วยกระดาษ โดยระยะแรกได้เน้นการทำระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีกรมศุลกากรเป็นศูนย์กลางของการทำงาน ซึ่งการเชื่อมโยงต่างๆ จะไม่สมบูรณ์ หากยังขาดกระบวนการระหว่างภาคเอกชนด้วยกัน (B2B) โดยในปัจจุบันได้มีมาตรฐานในการเชื่อมต่อระหว่างองค์กรเพื่อทำธุรกรรมหลายรูปแบบเช่น Rosetta Net และ ebXML เป็นต้น แต่ในทางปฏิบัตินั้นการเชื่อมต่อดังกล่าวยังไม่ได้ถูกนำมาใช้งานในประเทศไทยอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของระบบสารสนเทศของบริษัทเอกชน ซึ่งบริษัทเอกชนที่มีระบบงาน Back Office ประเภท ERP ที่เป็นมาตรฐานสากลเท่านั้น จึงจะมีความสามารถในการเชื่อมต่อดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทเอกชนจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ Small and Medium Enterprise) ยังไม่มีระบบ Back Office ที่เป็นมาตรฐานดังกล่าว หรือ ถ้ามีก็มักจะเป็นระบบงานขนาดเล็ก เช่น ระบบบัญชีที่พัฒนาโดยผู้พัฒนาของประเทศไทย และระบบดังกล่าวมักไม่มีความสามารถในการแลกเปลี่ยนข้อมูลในรูปแบบมาตรฐานกับระบบงานอื่นได้ โดยทั่วไปจะมีเพียงความสามารถในการ Import และ Export ข้อมูลระบบของตนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การทำธุรกรรมต่างๆ จึงเป็นการทำงานด้วยกระดาษ หรือการบันทึกซ้ำเป็นหลัก ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากโครงการ National Single Window ได้อย่างเต็มที่” นายสือ กล่าว
ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้จัดการอบรมความรู้ในเรื่องดังกล่าวขึ้น 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรการแลกเปลี่ยนเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างภาคธุรกิจ และหลักสูตรแนวทางการพัฒนาระบบ Back Office และการแลกเปลี่ยนข้อมูลตามรูปแบบ XML เพื่อใช้ร่วมกับระบบต้นแบบซอฟต์แวร์ รวมทั้งสร้างความเข้าใจในความสำคัญของหลักการแลกเปลี่ยนเอกสารธุรกรรมฯ ด้วยรูปแบบที่เป็นมาตรฐานสากล โดยกระทรวงฯ ได้เชิญผู้เข้าอบรมจากทั้งภาคธุรกิจเอกชน กิจการผู้ให้บริการการแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ Back Office องค์กร และสถาบันต่างๆ ตลอดจนภาคการศึกษาด้าน IT, Commerce, Logistics สื่อมวลชน และผู้สนใจทั่วไป จำนวนทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 120 คนเข้าร่วมประชุม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 021416747 ทวิติยา