CGS พลิกโชว์กำไรไตรมาส 3/52 กระฉูด 314% วางเป้าปี 53 ยังครองส่วนแบ่งตลาดติดอันดับ TOP3

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 18, 2009 14:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--IR PLUS บล.คันทรี่ กรุ๊ป โชว์ฟอร์มเจ๋งหลังปรับโครงสร้างการบริหารครั้งใหญ่ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ไตรมาส 3/52 พลิกมีกำไรสุทธิ 112.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 314% เมื่อเปรียบเทียบจากงวดเดียวกันในปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 52.51 ล้านบาท "บี เตชะอุบล" แจงเป็นผลมาจากรายได้ค่านายจากการซื้อขายหลักทรัพย์และรายได้จากงานวาณิชธนกิจได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก คาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะมีผลกำไร ด้าน "ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ" เผยพร้อมชักธงรบรับมือเปิดเสรีในปี 2555 อีกทั้งมั่นใจยังสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดในอันดับ TOP3 เอาไว้ได้ นายบี เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)(CGS)เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานตามงบการเงินที่แสดงเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียสำหรับไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552ได้ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแล้ว ปรากฎว่ามีกำไรสุทธิจำนวน 112.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิจำนวน 52.51 ล้านบาท หรือกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 314.12 ทั้งนี้ รายได้รวมสำหรับไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 จำนวน 347.92 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจำนวน 279.26 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการจำนวน 8.77 ล้านบาท กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจำนวน 25.07 ล้านบาทรายได้จากดอกเบี้ยรับและเงินปันผลและดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์จำนวน 11.93 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 12.17 ล้านบาท และรายได้อื่น ๆ จำนวน 10.72 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 266.97ล้านบาท หรือร้อยละ 329.81 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวมจำนวน 80.95 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายรวม จำนวน 235.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น102.03 ล้านบาท หรือร้อยละ 76.45 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่จำนวน 133.46 ล้านบาท ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้เข้าร่วมงานกับ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาพบว่า บล.คันทรี่ กรุ๊ป มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในแง่ของความแข็งแกร่งทางธุรกิจ เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของทีมเจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เก็ตติ้ง) ที่เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 500-600 คน ขณะที่สาขาให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 40 สาขา จากเดิม 34 สาขา และส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ขยับขึ้นมาติด TOP3 หรือ 7-8% จากเดิมอยู่ในลำดับที่ 25 หรืออยู่ที่ระดับ 2.5 % ซึ่งถือเป็นโบรกเกอร์ที่มีสาขาให้บริการและลูกค้าสูงที่สุดของประเทศ "ในช่วงที่ผ่านมา CGS เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก แต่ผู้บริหารก็ยังมุ่งมั่นและทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ต่อไปโดยเน้นให้ความสำคัญในเรื่องของการบริหารองค์กรและการบริหารความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงการพัฒนาด้านระบบไอทีให้ทันสมัย การมุ่งพัฒนาศักยภาพของทีมมาร์เก็ตติ้ง การขยายธุรกิจในด้านต่างๆ รวมไปถึงขยายฐานนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันให้เติบโตมากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับ CGS และรองรับกับการแข่งขันที่คาดว่าจะเพิ่มดีกรีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นซึ่งจะเริ่มใช้แบบขั้นบันใดตั้งแต่ปี 2553 และในปี 2555 จึงจะเป็นการเปิดเสรีแบบเต็มรูปแบบ” ดร.ประสิทธิ์ กล่าว สำหรับกลยุทธ์ของ CGS คือนอกจากการบริการที่เป็นเลิศแล้ว ยังมุ่งขยายผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีสินค้าที่หลากหลายและครอบคลุมความต้องการของนักลงทุน อาทิ การขยายธุรกิจการยืม และให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) ซึ่งภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะยื่นขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ประมาณต้นปี 2553 โดยขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว นอกจากนี้ยังได้พัฒนาสินค้าอนุพันธ์ (TFEX) โดยเฉพาะสินค้า SET50 Futures และงานด้านวาณิชธนกิจ การบริหารกองทุนส่วนบุคคล รวมถึงพัฒนาระบบซื้อขายแบบออนไลน์ ที่ปัจจุบันกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญ "ตอนนี้เราสามารถตอบโจทย์ได้แล้วว่า เราพร้อมที่จะแข่งขันกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งการที่ CGS มีการบริการที่หลากหลาย และสามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้อย่างครบถ้วน ทำให้บริษัทเป็นโบรกเกอร์ One Stop Service ที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน "ดร.ประสิทธิ์ กล่าวในที่สุด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ IR PLUS : คุณหัสยา ศรีเฟือง (โหน่ง) Tel. 02-554-9353 E-mail : hadsaya@irplus.in.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ