กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน
โซลูชั่น The New Efficiency ที่ประกอบด้วย Windows 7, Microsoft Windows Server 2008 R2 และ Microsoft Exchange Server 2010 จะช่วยนำพาธุรกิจในประเทศไทยไปสู่ยุคใหม่ของการทำงานที่มีประสิทธิภาพ การจัดการค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม และ การทำงานที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวซอฟต์แวร์โซลูชั่นส์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ The New Efficiency เพื่อช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้เทคโนโลยีในการเร่งให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้เร็วยิ่งขึ้น โซลูชั่นส์ทางธุรกิจดังกล่าวจะช่วยพลิกโฉมไอทีให้กลายเป็นทรัพย์สินสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถลดความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัย และลดค่าใช้จ่ายลง โดยที่ไม่ต้องลดการบริการให้กับลูกค้า หรือ จำกัดกรอบความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานของพนักงาน หรือลดประสิทธิภาพการทำงานลง
แนวคิดทางไอทีรูปแบบใหม่ ลดความเสี่ยง เพิ่มประสิทธิภาพ
‘The New Efficiency’ รวบรวมผลิตภัณฑ์ชั้นนำทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ เข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ Microsoft Windows 7
Microsoft Windows Server 2008 R2 และ Microsoft Exchange Server 2010 เพื่อเป็นตัวช่วยให้องค์กรธุรกิจในประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย:
- ลดการใช้พลังงานและค่าใช้จ่าย
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานและลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ
- ยกระดับการทำงานและความน่าเชื่อถือ
- ปรับปรุงการบริหารความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัย
- บรรลุผลสำเร็จเร็วยิ่งขึ้นด้วยนวัตกรรมล่าสุด
ในงานเปิดตัวซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอทีและนักบริหารธุรกิจเข้าร่วมงานจำนวนมาก นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ขณะนี้ ประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่างก็กำลังฟื้นตัวจากสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ไมโครซอฟท์จึงได้นำเสนอเทคโนโลยีและบริการต่างๆ ที่จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจสามารถปรับตัวได้เร็วยิ่งขึ้น เราเชื่อว่า Microsoft Windows 7 Microsoft Windows Server 2008 R2 และ Microsoft Exchange Server 2010 จะช่วยให้องค์กรและบริษัทต่างๆ สามารถจัดการกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ด้วยการลดค่าใช้จ่ายและเสริมสร้างการทำงานให้มีประสิทธิผลยิ่งขึ้น ปีนี้นับเป็นปีที่น่าตื่นเต้นของไมโครซอฟท์ ทั้งจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆ และจากวิสัยทัศน์ในการพัฒนานวัตกรรม ซึ่งจะช่วยวางรากฐานของไมโครซอฟท์ในภูมิภาคในช่วง 2 ปีต่อจากนี้”
กรณีศึกษาจากคู่ค้าและลูกค้าของไมโครซอฟท์
องค์กรในประเทศไทยที่ได้ทดลองใช้เทคโนโลยีของไมโครซอฟท์เป็นลำดับแรกๆ ซี่งได้แก่ Microsoft Windows 7 Microsoft Windows Server 2008 R2 และ Microsoft Exchange Server 2010 คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟเซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัท เอ็นโอเค พรีซิชั่น คอมโพเน้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ซีเมนส์ ประเทศไทย จำกัด นอกจากนี้ ยังมีคู่ค้าของไมโครซอฟท์ ทั้ง เอเซอร์ เดลล์ และ เอชพี มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยีโซลูชั่นส์ของไมโครซอฟท์และประโยชน์ต่างๆที่เกิดขึ้นต่อธุรกิจของพวกเขา
“คู่ค้าของเรามีความกระตือรือร้นและพร้อมที่จะช่วยลูกค้าให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ พวกเขาได้รับการอบรมจากไมโครซอฟท์เกี่ยวกับเทคโนโลยี Microsoft Windows Server 2008 R2 และ Microsoft Exchange Server 2010 และด้วยการสนับสนุนที่ดียิ่งจากพวกเขา ได้ช่วยก่อให้เกิดระบบนิเวศน์ทางไอทีของ Exchange 2010 นอกจากนี้ ลูกค้ายังแสดงให้เห็นถึงผลตอบรับที่น่าประทับใจโดยสามารถช่วยลูกค้าลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าร้อยละ 70 อีกทั้งประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานยังเพิ่มขึ้นโดยสามารถทำงานได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยการลดความยุ่งยากจากการใช้งานอินบ็อกซ์ และช่วยให้การสื่อสารราบรื่นยิ่งขึ้นด้วยอินบ็อกซ์ที่ผสานการทำงานทุกอย่างไว้ด้วยกัน” นางสาวปฐมา กล่าวเสริม
นายอลัน เจียง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “นอกจากผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กในกลุ่มคอนซูมเมอร์ที่เรามียอดขายเป็นอันดับ 1 แล้ว เอเซอร์ยังให้ความสำคัญกับการเป็นผู้นำฮาร์ดแวร์ในกลุ่มคอมเมอร์เชียล เอเซอร์มีผลิตภัณฑ์ที่ครบสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นเอเซอร์ แทบเลต โน้ตบุ๊ก, ทราเวล เมท ไทม์ไลน์, เวอร์ริตอน เดสก์ท๊อป, เซิร์ฟเวอร์, สตอเรจ, จอแอลซีดี และโปรเจคเตอร์ ด้วยคอนเซ็ปต์ แอบโซลูท พาวเวอร์ แอนด์ เพอร์ฟอร์แมนส์ (Absolute Power & Performance) ผลิตภัณฑ์ของเราพร้อมรองรับการทำงานกับวินโดว์ 7 และโซลูชั่นส์ต่างๆ ของไมโครซอฟท์ ที่เหมาะกับลูกค้าระดับองค์กร เอเซอร์ แทบเลต โน้ตบุ๊ก มาพร้อมกับระบบทัชกรีน และทราเวลเมท ไทม์ไลน์ ที่มีความบางเบา และอายุการใช้งานแบตเตอรี่มากกว่า 8 ชั่วโมง เราได้ผสมผสานอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ให้ทำงานในรูปแบบโซลูชั่น โดยให้คำปรึกษาและออกแบบเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มองค์กรธุรกิจ เรามั่นใจว่าโซลูชั่นของเราจะได้รับการตอบรับที่ดีและเป็นตัวเลือกขององค์กรธุรกิจและนำไปสู่ประสิทธิภาพในการทำงาน”
“ลูกค้าของเราตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการเปิดตัวของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 ทั้งเดลล์และไมโครซอฟท์มีความร่วมมือที่ดีเยี่ยมตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตลาดว่า เดลล์มีระบบมากกว่า 80 ระบบที่แตกต่างกันในการรองรับงาน วินโดวส์ 7 และสามารถทำงานได้ดีบนสายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเดลล์ ทั้งแลปท็อป Latitude เดสก์ท็อป OptiPlex และเวิร์กสเตชัน Dell Precision รวมถึงแลป ท็อปในไลน์ Vostro และสายผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค อย่าง Studio และ Alienware โดยเราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์ต่อไปเพื่อที่จะได้สร้างให้วินโดวส์ 7 ประสบผลสำเร็จอย่างสูงสุด” นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ในฐานะที่เป็นคู่ค้าประเภท Gold Certified Partner ของไมโครซอฟท์ เดลล์ยังมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชั่นของ Microsoft Exchange Server ให้แก่ลูกค้าระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ เพื่อช่วยให้พวกเขามีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิผล ด้วยการเปิดตัว Microsoft Exchange Server 2010 เดลล์ได้จัดวางสถานะของตนเองในการช่วยลูกค้าให้สามารถใช้ประโยชน์จากโซลูชั่นส์และฟีเจอร์ต่างๆ ได้อย่างเต็มศักยภาพ ทำให้พวกเขาสามารถจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและพัฒนาทางด้านการสื่อสาร
นอกเหนือจากการเป็นผู้ทดลองใช้วินโดวส์ 7 ในลำดับแรกๆ แล้ว เดลล์มีเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นในการช่วยองค์กรธุรกิจย้ายระบบงานไปสู่ระบบปฎิบัติการใหม่ Microsoft Windows Server 2008 R2 ได้โดยสะดวกราบรื่น ซึ่งคุณสมบัติใหม่นี้จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณ เดลล์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นหนึ่งในบริษัทรายแรกๆ ที่นำเสนอบริการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงไดร์เวอร์ต่างๆ เพื่อช่วยลูกค้าย้ายสู่ระบบงานใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราใช้เวลาหลายพันชั่วโมงในการทดสอบและทดลองการใช้งานจริงของ Windows Server 2008 R2 เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับใช้ระบบงานใหม่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมั่นใจได้ว่าเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge ของเดลล์สามารถรองรับการทำธุรกิจได้ในทันที
ไมโครซอฟท์ได้พัฒนา Windows Server 2008 R2 โดยใช้ฐานของ Windows Server 2008 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับรางวัล โดยการขยายขอบเขตเทคโนโลยีที่มีอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังเพิ่มนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถลดค่าใช้จ่ายลงและเพิ่มประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้น เครื่องมือเวอร์ชวลไลเซชั่นใหม่ Web resources การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ และวินโดวส์ 7 จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพและความยืดหยุ่นของโครงสร้างพื้นฐานของเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กรของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ในโอกาสเดียวกันนี้ ไมโครซอฟท์ ยังได้เปิดตัว Exchange 2010 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของโซลูชั่นส์ enterprise messaging และ collaboration ผลิตภัณฑ์ประเภท Exchange เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาด และได้กลายมาเป็นรากฐานสำคัญสำหรับวิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์ทางด้านผลิตภัณฑ์ประเภท Unified communications ด้วยทางเลือกในการนำมาใช้งานและการจัดเก็บ ผนวกกับความสามารถที่เพิ่มมากขึ้นในการจัดการอินบ็อกซ์ และแฟ้มเก็บอีเมล์แบบบิวท์-อิน Exchange 2010 ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถลดค่าใช้จ่าย และยกระดับการทำงานและเสถียรภาพในการทำงานไปสู่อีกระดับหนึ่ง ลูกค้ายังสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของวอยซ์เมลแบบเดิมๆ ได้ด้วยระบบวอยซ์เมลใน Exchange 2010 ซึ่งใช้การทำงานแบบ unified messaging
ในความเป็นจริงแล้ว การศึกษาของ Forrester ได้ระบุว่า ลูกค้าจะได้รับผลตอบแทน ROI มากกว่าร้อยละ 40 ในเวลาไม่ถึง 6 เดือน ด้วยการอัพเกรดผลิตภัณฑ์เป็น Exchange 2010 หรือ Windows Server 2008 R2
ในขณะเดียวกัน ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 ซึ่งได้เปิดตัวไปแล้วกับกลุ่มลูกค้าทั่วไปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา ก็ได้รับการนำเสนอต่อกลุ่มองค์กรธุรกิจและเอ็นเตอร์ไพรซ์เช่นเดียวกัน โดยได้นำเสนอประสบการณ์ในอีกระดับหนึ่งของแอพพลิเคชั่น การบริการ และอุปกรณ์ต่างๆ การใช้งานที่ง่ายขึ้นและฟีเจอร์ใหม่ๆ จะช่วยให้ผู้ใช้งานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน หรือเก็บข้อมูลสำคัญไว้ที่ใด
The New Efficiency กลยุทธ์สำหรับสภาวะการทำงานในยุคใหม่
แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน และ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ ‘สภาวะการทำงานในยุคใหม่’ มันยังมีสัญญาณที่ดีที่ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะกลับคืนมาอีกครั้งในหลายประเทศทั่วโลกในปีหน้า ในการขับเคลื่อนการเติบโตดังกล่าว ภาคธุรกิจทั่วโลกกำลังเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นจากเทคโนโลยี ซึ่งจะก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและการแพร่หลายของนวัตกรรมใหม่ๆ
“สำหรับไมโครซอฟท์ นี่เป็นมากกว่าการทำธุรกิจผลิตภัณฑ์วินโดวส์ แต่มันเกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยี นวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ และการมีส่วนร่วมกับคู่ค้า ลูกค้า และ รัฐบาล ในระดับภูมิภาค เพื่อช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม” นางสาวปฐมากล่าว “The New Efficiency ไม่เพียงแต่ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ทางเศรษกิจในปัจจุบันได้เท่านั้น แต่ยังช่วยวางรากฐานของระบบและโซลูชั่นต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ในรูปแบบใหม่ได้เช่นกัน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ จำนวนมากที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่องค์กรต่างๆ ได้นำเสนอความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเดิมๆ และทำหน้าที่เป็นแรงกระตุ้นสำหรับธุรกิจใหม่ๆ รวมไปถึงอุตสาหกรรมใหม่ๆ”
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ The New Efficiency สามารถศึกษาได้ที่ www.microsoft.com/thenewefficiency ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวินโดวส์ 7 สามารถศึกษาได้ที่ www.microsoft.com/windows7 หรือ www.windows7thailand.com นอกจากนี้ ยังสามารถ ศึกษาข้อมูลสำหรับสื่อมวลชนได้ที่ www.microsoft.com/presspass
ข้อมูลเกี่ยวกับไมโครซอฟท์
บริษัท ไมโครซอฟท์ (Nasdaq “MSFT”) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2518 เป็นผู้นำระดับโลกด้านบริการซอฟต์แวร์ และโซลูชั่นที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของผู้ใช้และองค์กรธุรกิจ
บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2536 บริษัทฯ เสนอซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลกที่ใช้งานง่ายและเหมาะกับความต้องการของผู้ใช้คนไทย ตลอดจนแพลตฟอร์มที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจพัฒนาโซลูชั่นที่ตรงตามความต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรองรับได้ตั้งแต่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คไปจนถึงเครื่องขนาดใหญ่ระดับเมนเฟรม เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวของจำนวนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในประเทศไทย หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) http://www.microsoft.com/thailand.
ไมโครซอฟท์เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ ไมโครซอฟท์ คอร์ป ประเทศสหรัฐอเมริกา และ/หรือ ประเทศอื่นๆ ชื่อบริษัทและผลิตภัณฑ์ที่มีการกล่าวถึงในเอกสารชุดนี้อาจจะเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของนั้นๆ
หมายเหตุ: หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครซอฟท์ สามารถดูได้ที่ http://www.microsoft.com/presspass/
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
คุณศุภาดา ชัยวงษ์
ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน ประเทศไทย
โทรศัพท์: 0-2627-3501 ต่อ 209
โทรสาร: 0-2627-3510
Email: sjaidee@th.hillandknowlton.com