การศึกษาวิจัยตลาด: ปัจจัยแห่งความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ

ข่าวทั่วไป Thursday May 18, 2006 10:03 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครว่า ปัจจุบันภาวะการแข่งขันในตลาดมีเพิ่มมากขึ้น อสังหาริมทรัพย์แต่ละประเภทอยู่ในระดับของวัฏจักรและสภาวะการแข่งขันที่แตกต่างกันซึ่งมีทั้งโครงการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และโครงการที่ประสบกับภาวะยอดขายชะลอตัว
แม้ว่าข้อมูลในเรื่องตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนในประเทศไทยมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น แต่นับว่ายังไม่เพียงพอเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ อาทิ ในประเทศอังกฤษและออสเตรเลีย เราสามารถหารายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อขายล่าสุดของแต่ละถนนได้เลยทีเดียว การที่ข้อมูลด้านอสังหาริมททรัพย์ของไทยมีอยู่จำกัด จึงทำให้ผู้ประกอบการคาดการณ์แนวโน้มของตลาดได้ยาก
ในวัฏจักรอสังหาริมทรัพย์รอบนี้ จะเห็นได้ว่า ทั้งผู้ประกอบการไทยและต่างชาติมีความสามารถมากยิ่งขึ้น โดยผู้ประกอบการดังกล่าวต่างพยายามที่จะสร้างโครงการที่ความโดดเด่น ให้แตกต่างจากโครงการที่เป็นคู่แข่งรายอื่น ๆ
จากการสำรวจครั้งล่าสุดโดยทีมวิจัยและพัฒนาของ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส พบว่า ภาวะการแข่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บางประเภทมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น อาทิ ณ ไตรมาสที่ 1 ปี 2549 มีคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางเมืองที่กำลังทำการตลาดอยู่ราว 16,000 ยูนิต และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2549 — 2551 ด้านปริมาณเซอร์วิส อพารต์เมนต์จะมีเพิ่มขึ้นอีกราว 3,400 ยูนิตในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งคิดเป็น 42% ของจำนวนเซอร์วิส อพารต์เมนต์ที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน นอกจากนี้ ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน จะมีห้องพักใหม่ในโรงแรมระดับ 4-5 ดาวเพิ่มขึ้นอีก 5,372 ห้อง เพิ่มขึ้น 36% จากจำนวนห้องที่มีในปัจจุบัน
หากมองในด้านความต้องการของตลาดจะพบว่า ผู้บริโภคมีความเข้าใจในการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ซึ่งปัจจัยสำคัญก็คือ การที่ผู้ประกอบการจะต้องหาทำเลที่ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อและคุ้มค่ากับการลงทุน
โครงการ เดอะ เม็ท บนถนนสาทร และโครงการเอ็มโพริโอ เพลส ในซอยสุขุมวิท 24 เป็นตัวอย่างของโครงการคอนโดมิเนียมระดับหรูที่ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี
ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่าง แอลพีเอ็น และศุภาลัย ต่างประสบความสำเร็จในการเปิดโครงการใหม่ ๆ ได้ตรงกับความสนใจของผู้ซื้อคนไทยรุ่นใหม่ที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมในราคาที่พอจะเป็นเจ้าของได้ไม่ยากนักและตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ
ความต้องการคอนโดมิเนียมลักษณะดังกล่าวเป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นถึง ความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่ในตลาด ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในช่วง 10 ปีแล้ว บางส่วนของผู้ซื้อเป็น “Skytrain Generation” คือ คนรุ่นใหม่ที่ทำงานในย่านใจกลางเมือง และต้องการพักอาศัยใกล้ที่ทำงานเพื่อความสะดวก มากกว่าพักอาศัยกับครอบครัวในแถบชานเมือง
ด้านตลาดเซอร์วิส อพารต์เมนต์ แม้ว่าจะมีจำนวนยูนิตเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนกว่า 2,000 ยูนิตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทว่าโครงการอาทิ เซ็นเตอร์ พ้อยท์ ทองหล่อก็ยังคงมีอัตราการเข้าพักและค่าเช่าในระดับที่สูง
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เชื่อว่า ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จของผู้ประกอบการและโครงการดังที่กล่าวมา อยู่ที่การศึกษาวิจัยตลาดในเชิงลึก
การขาดข้อมูลที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ ทำให้มีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องการกับซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เท่านั้นที่สามารถเก็บข้อมูลด้านแนวโน้มของตลาดและรสนิยมของผู้บริโภคตามสภาพความเป็นจริงได้
“จากภาวะการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการจึงพยายามมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ซึ่งมีจุดขายที่แตกต่างออกไป ทำให้ผู้ประกอบการดังกล่าวจำเป็นต้องมีข้อมูลที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด เพื่อประกอบการตัดสินได้อย่างถูกต้องแม่นยำในการพัฒนาโครงการ นอกจากนี้ สถาบันการเงินเองก็ต้องมีข้อมูลที่เชื่อถือได้ในการพิจารณาที่จะให้การสนับสนุนทางการเงินกับโครงการต่าง ๆ เหล่านั้น“ นายอรรณพ แสงประสิทธิ์ กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จได้นั้น ประกอบด้วย ฐานข้อมูลที่มีการเก็บรักษาข้อมูลย้อนหลังและปรับปรุงข้อมูลตามความเป็นจริงของตลาดให้ทันสมัยอยู่ตลอด รวมทั้ง ทีมงานวิจัยที่มีความสามารถในเชิงวิเคราะห์ มีประสบการณ์ และมีความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฏและข้อบังคับต่าง ๆ นโยบายจากทางภาครัฐ และโครงการสาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นต้น
“งานวิจัยที่ดีนั้นควรจะประกอบด้วย บทวิเคราะห์ในเรื่อง ทำเลที่ตั้ง ประเภทโครงการที่เหมาะสมในการพัฒนา โครงการที่เป็นคู่แข่ง ความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว สภาพตลาดในปัจจุบันและอนาคต ศักยภาพทางการตลาด และปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อ นอกจากนี้ งานวิจัยที่ดียังควรที่จะสามารถเสนอแนะในเรื่องกลุ่มเป้าหมาย แนวความคิดในการพัฒนาโครงการ การจัดสรรพื้นที่ภายในโครงการ ขนาดและจำนวนห้อง วัสดุที่ใช้ในการตกแต่ง จุดขายหลักของโครงการ กลยุทธทางการตลาด การตั้งราคาขาย และผลตอบแทนจากการพัฒนาโครงการ” นายอรรณพ กล่าวเพิ่มเติม
ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความแตกต่างจากตลาดของสินค้าชนิดอื่น เนื่องจากตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ช้า เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่การก่อสร้างโครงการเสร็จสมบูรณ์ ตลาดของอสังหาริมทรัพย์จึงมีลักษณะการขึ้นลงเป็นวัฏจักรในแต่ละภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสภาวะดังกล่าวจะยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีกถ้าตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้นหากขาดข้อมูลทางการตลาด นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ประกอบการและสถาบันการเงินผู้สนับสนุนโครงการจำเป็นต้องได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์ที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาซ้ำรอยเดิมที่เกิดขึ้นในช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
จากการที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างต่อเนื่อง ความสำคัญในเรื่องคุณภาพของงานวิจัยทางการตลาดก็ได้ทวีความสำคัญมากขึ้นตามไปด้วย หากปราศจากงานวิจัยที่อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลตามความเป็นจริงในตลาด อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เชื่อว่า งานวิจัยที่มีคุณภาพมิได้ให้ประโยชน์แก่ผู้ประกอบการในแง่ของการประสบความสำเร็จทางด้านยอดขายและช่วยลดความเสี่ยงในการพัฒนาโครงการแต่เพียงเท่านั้น หากยังเป็นผลดีต่อผู้ซื้อในการที่จะมีสินค้าคุณภาพที่ดีขึ้นให้เลือกพิจารณา ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
นายอรรณพ แสงประสิทธิ์
กรรมการบริหาร - หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนา
02 654 1111
นางสาวงามใจ เจียรจรัส
ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร
02 654 1111 ต่อ 522
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ