กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--Allback Interprise
อาร์ทีบี ปฏิวัติหูฟังบลูทูธด้วยดีไซน์แนวใหม่ควบคู่เทคโนโลยีล้ำสมัย ส่งน้องใหม่ 3 รุ่นส่งท้ายปี 2552
โดยมี “Jabra Stone” เป็นหัวหอกในการบุกตลาด ย้ำทิศทางการตลาดหูฟังบลูทูธในปี 2553 มุ่งเน้นการทำตลาดเฉพาะกลุ่ม และมุ่งความสนใจกลุ่ม Entertainment เพิ่มสีสัน เพื่อรองรับระบบ 3G ในอนาคต รวมไปถึงสื่อดิจิตอลแบบครบเครื่อง คาดการเติบโตตลาดหูฟังบลูทูธปี 2553 ก้าวกระโดด 10-15 %
ดร. บรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด ผู้จัดจำหน่ายหูฟังแบรนด์ Jabra แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับแผนการตลาดในช่วงท้ายปีนี้ 2552 บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีหูฟังบลูทูธที่เน้นการดีไซน์ที่ทันสมัย ซึ่งแผนการตลาดในปี 2553 จะมุ่งเน้นการทำตลาดแบบเจาะกลุ่ม (Segmentation) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มให้ได้สูงสุด และจะมุ่งไปที่ตลาด Entertainment ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานของระบบ 3G ซึ่งจะทำให้คนใช้งานในกลุ่มโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์พกพาสามารถดูหนัง ฟังเพลง จากอุปกรณ์เหล่านี้ได้โดยสะดวกสบาย โดยวางโพสิชันนิ่งให้ Jabra เป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อให้ความบันเทิงสมบูรณ์แบบมากขึ้น ทั้งนี้ยังเน้นการทำ CRM จากฐานลูกค้าในปัจจุบันให้เกิดความประทับใจเพื่อให้เกิดการซื้อทดแทนตัวเก่า อีกทั้งเน้นการใช้สื่อดิจิตอลเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น
บริษัทฯ ส่งท้ายปีด้วยหูฟังบลูทูธน้องใหม่รุ่นแรกคือ “Jabra Stone” ที่ปฏิวัติการออกแบบหูฟังบลูทูธ ซึ่งเป็นความสุดยอดด้านดีไซน์ มีรูปทรงที่สวยงาม เล็กกระชับ มีความโค้งเว้าที่เข้ากับรูปกับใบหูได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับแท่นชาร์จแบบพกพาที่ออกแบบมาอย่างสวยหรู เพื่อความสะดวกสูงสุดในการใช้งาน มีระบบ Noise BlackoutTM Extreme ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมควบคุมระดับเสียงด้วย ระบบสัมผัส “Intuitive Touch Volume Control” การเชื่อมต่อแบบ Multipoint นอกจากนี้ยังมีการบอกสถานะของหูฟังบลูทูธด้วย Jabra StatusDisplayTM โดยจำหน่ายในราคา 4,290 บาท เจาะคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง ทันสมัย มีความเป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญมีความชื่นชอบในเรื่องของดีไซน์และเทคโนโลยี คาดว่าจะจำหน่ายได้ประมาณ 500-700 ยูนิตต่อเดือน
สำหรับอีกสองรุ่นที่เข้ามา คือรุ่น Jabra Arrow และ Jabra Cruiser ซึ่งเจาะกลุ่มผู้ขับขี่โดยเฉพาะ โดย Jabra Arrow นั้นจะเป็นหูฟังบลูทูธที่มาพร้อมแท่นชาร์จในรถ และฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวนที่เกิดขึ้นจากเครื่องยนต์และบนท้องถนนโดยเฉพาะ ราคาจำหน่าย 2,590 บาท สำหรับ Jabra Cruiser นั้น เป็นลำโพงบลูทูธ สำหรับคนที่ชอบความสะดวก เพราะเป็นลำโพงที่สามารถแจ้งสถานะและชื่อคนโทรเข้าด้วยเสียง และเป็นลำโพงบลูทูธตัวแรกที่มีระบบตัดเสียงรบกวนด้วย Dual Microphone ราคาจำหน่าย 4,200 บาท
ด้านเทคโนโลยีสำหรับหูฟังบลูทูธในปี 2553 นั้นจะเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้มากขึ้น เช่น หูฟังสามารถบอกได้ว่าสายเรียกเข้าที่โทรเข้ามาหานั้นเป็นใคร โดยสามารถเชื่อมต่อข้อมูลของ Phonebook จากโทรศัพท์มือถือได้โดยตรง นอกจากนี้ สัญญาณการเชื่อมต่ออาจจะได้ไกลขึ้น หากหูฟังบลูทูธสามารถใช้เทคโนโลยีบลูทูธ Classs A ได้ จะสามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 100 เมตร ทั้งนี้แนวโน้มตลาดหูฟังบลูทูธในปี 2553 จะมีการเติบโตในระดับ 10 — 15% จากปีนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการเติบโตมาจากกระแสหูฟังบลูทูธสเตอริโอ เพื่อใช้ดูหนังและฟังเพลง และอีกส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี 3 G
ดร.บรรพต กล่าวว่า บริษัทฯแนวโน้มด้านการดีไซน์หูฟังบลูทูธในปัจจุบัน ตลาดโดยรวมนั้นการออกแบบหูฟังบลูทูธจะไม่ค่อยมีความแตกต่างจากเดิมมากนัก นอกจากจะออกแบบให้มีขนาดเล็กลง แต่สำหรับ Jabra สินค้ารุ่นใหม่ๆ จะออกแบบเพื่อรองรับความต้องการของแต่ละกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งรูปลักษณ์ของหูฟังนั้นก็จะแตกต่างกันไปตามการใช้งานของแต่ละกลุ่ม และยังเห็นได้อีกว่า Jabra ไม่ได้ออกแบบเฉพาะตัวหูฟังเท่านั้น แต่ออกแบบอุปกรณ์เสริมของหูฟังให้ตอบสนองการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
คาดว่าในปี 2553 จะ มียอดขายรวมประมาณ 4 แสนเครื่อง คิดเป็นยอดตลาดรวมประมาณ 400 —500 ล้านบาท ทั้งนี้หวังว่าหูฟังบลูทูธสเตอริโอจะเป็นแม่เหล็กเพิ่มมูลค่าตลาดโดยรวมให้สูงขึ้น
ภาพตัวอย่างการเติบโตของตลาดหูฟังบลูทูธ
ผลประกอบการของบริษัทในปี 2552 ได้เผชิญกับการหดตัวลงของตลาดหูฟังบลูทูธประมาณ 35 - 40 % จากปี 2551 เนื่องจากมีกฎหมายห้ามการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ ทำให้มีผู้บริโภคซื้อหูฟังบลูทูธเป็นจำนวนมาก ในปี 2552 ตลาดจึงมีความต้องการที่น้อยลง ซึ่งตรงกับเทรนด์ของทุกประเทศทั่วโลกที่ยอดขายจะลดลงในระยะเวลา1 — 2 ปี หลังจากที่กฎหมายออก ผนวกกับยอดขายโทรศัพท์มือถือในประเทศมีแนวโน้มที่ลดลงตามสภาพเศรษฐกิจคาดว่าประมาณ 8.6 - 9 ล้านเครื่อง จากประมาณ 9.5 ล้านเครื่องในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม แนวโน้มความต้องการจะกลับเข้าสู่ระดับปรกติ ในปี 2553 ในขณะเดียวกันก็จะเหลือผู้ประกอบการที่ทำตลาดน้อยลงตามสภาพเศรษฐกิจและยอดขายที่ลดลง ดังนั้นยอดขายในปีนี้ แม้ว่าจะมีตลาดที่เล็กลง บริษัทฯมั่นใจว่าส่วนแบ่งการตลาดจะสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วแน่นอน
ดร.บรรพต กล่าวทิ้งท้ายว่า “สำหรับเรื่องกฎหมาย “โทรไม่ขับ” ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากประชาชนและตำรวจนั้น คาดว่าคงต้องใช้ระยะเวลาคล้ายๆ กับเมื่อตอนออกกฎหมายหมวกกันน็อค อาจจะต้องให้คนเห็นโทษของการคุยโทรศัพท์ขณะขับรถว่ามีอันตรายสูงอย่างไร โดยเรื่องโทรศัพท์มือถือนั้นเป็นเรื่องยากในการจับ จริงๆ แล้วกฎหมายนี้เป็นกฎหมายที่ดี ไม่ใช่ว่าเพราะบริษัทขายหูฟัง แต่เป็นเพราะว่ามันจะทำให้การจราจรบนท้องถนนปลอดภัยขึ้น และคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งอยากให้ผู้ขับขี่ทุกคนมีจิตสำนึกมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องใช้บลูทูธแต่ใช้หูฟังธรรมดาก็ได้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินทั้งของตนเองและผู้อื่น”
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
มัจจติกา โคมทอง (นก)
PR & Marketing Manager
Allback Interprise Co.ltd
mutjatika@hotmail.com