ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศของบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

ข่าวทั่วไป Wednesday May 17, 2006 09:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ระยะยาวของบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF ที่ระดับ ‘BBB+(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F2(tha)’ ขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของ SF ที่ระดับ “BBB+(tha)” แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะและชื่อเสียงทางการตลาดที่มั่นคงของบริษัทในธุรกิจพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าแบบเปิดขนาดกลาง และคุณภาพของโครงการศูนย์การค้าที่บริหารอยู่ในระดับสูงดังจะเห็นได้จากอัตราการเช่าเฉลี่ย (Average Occupancy Rate) ของศูนย์การค้าที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องถึงกว่า 90% ตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการ อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการเติบโตของกระแสเงินสดจากรายได้ค่าเช่าและค่าบริการที่เพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากจำนวนศูนย์การค้าที่เพิ่มมากขึ้น ความหลากหลายของผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้า และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งโดยบางส่วนอยู่ภายใต้สัญญาระยะยาวกับผู้เช่าหลักซึ่งเช่าพื้นที่กว่า 50% ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมดในปี 2548 นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นที่แข็งแกร่งของรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ โดยในปี 2548 รายได้ค่าเช่าและค่าบริการได้ปรับตัวขึ้น 53% เทียบกับปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการเปิดดำเนินงานเต็มปีของศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่เริ่มเปิดให้บริการในปี 2547 โดยเฉพาะ เจ อเวนิว ทองหล่อ ปิยรมย์ เพลส และเอสเอฟ เมเจอร์ ซีนีเพลกซ์ ฉะเชิงเทรา รวมถึงการเปิดให้บริการของศูนย์การค้าพาวเวอร์ เซ็นเตอร์ (Power Centre) ทั้งสองแห่งที่เอกมัย และเพชรเกษมในปลายปี 2548
ฟิทช์กล่าวว่า ปัจจัยที่ลดทอนความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตของ SF ได้แก่ หนี้สินที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูง และแผนการขยายโครงการใหม่อย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้าใช้หนี้สินเป็นหลักในการขยายงาน ประกอบกับการเปิดตัวโครงการศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่อาจจะล่าช้ากว่ากำหนดในปี 2549 ถึง 2550 อาจทำให้ระดับหนี้สินของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นได้ ฟิทช์ยังกล่าวด้วยว่า ถึงแม้การเพิ่มขึ้นของจำนวนศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Centre) และสัดส่วนของสัญญาเช่าระยะสั้นที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นน่าจะทำให้อัตรากำไรของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น ปัจจัยดังกล่าวอาจเพิ่มความผันผวนให้กับรายได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มอ่อนตัวลง นอกจากนี้ ราคานํ้ามันที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เรื้อรัง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงได้ส่งผลกระทบในทางลบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและแนวโน้มของธุรกิจค้าปลีก
ในปี 2548 พื้นที่ให้เช่าทั้งหมดของ SF ได้ปรับเพิ่มขึ้น 54% เทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มเป็น 97,000 ตารางเมตร เนื่องจากการเปิดตัวของโครงการพาวเวอร์ เซ็นเตอร์ทั้งสองแห่งที่เอกมัย และเพชรเกษม นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการเอสพลานาด ซึ่งเป็นศูนย์การค้าแบบปิดขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงถึง 1.5 พันล้านบาท บนถนนรัชดาภิเษก และศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์อีกสองแห่งบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ และถนนพหลโยธินในปี 2549 ตามด้วยโครงการศูนย์การค้า อเวนิว พัทยาที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2550 ซึ่งแผนการขยายโครงการทั้งหมดนี้คาดว่าจะทำให้พื้นที่ให้เช่าทั้งหมดของ SF ปรับเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 189,000 ตารางเมตร ภายในสิ้นปี 2549
เนื่องจากการขยายงานโดยใช้เงินลงทุนสูง ทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า ย้อนหลัง 12 เดือน (Adjusted Net Debt/ LTM EBITDAR) ของ SF ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.6 เท่า ในงวดไตรมาสแรกของปี 2549 จาก 0.3 เท่าในปี 2548 ในขณะที่ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อดอกเบี้ยจ่าย (EBITDA/ Interest Expenses) ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 17 เท่า ในงวด 3 เดือนแรกของปี 2549 เมื่อเทียบกับ 771 เท่า ในปี 2548 ส่งผลให้ความคล่องตัวทางการเงินของบริษัทลดลง การเปิดตัวโครงการศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่ล่าช้ากว่ากำหนดเดิมที่คาดว่าจะเปิดได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 ทำให้กระแสเงินสดจากรายได้รับและเงินค่าเช่าและค่าบริการรับล่วงหน้าที่คาดว่าจะได้รับถูกเลื่อนออกไป ซึ่งส่งผลให้ระดับหนี้สินของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นกว่าระดับที่ได้คาดการณ์ไว้ เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ สิ้นปี 2548 อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดของข้อตกลงตามข้อปฏิบัติของผู้ออกหุ้นกู้ซึ่งระบุไว้ที่ 1.5 เท่า SF น่าจะเพิ่มความระมัดระวังในการขยายงานและการใช้เงินลงทุนในโครงการใหม่มากขึ้นในอนาคต สาเหตุดังกล่าว ประกอบกับการคาดการณ์การเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า น่าจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (Adjusted Net Debt/ EBITDAR) ของบริษัทปรับลดลงอยู่ที่ประมาณ 3.0 เท่า ถึง 3.5 เท่า ในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ โดยมีสมมติฐานแผนการลงทุนประมาณ 2.7 พันล้านบาท ในระหว่างปี 2549 ถึง 2550 ในด้านของสภาพคล่อง แม้ว่า SF จะมีเงินสดอยู่ในระดับที่ตํ่ามากที่ 7 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2549 วงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้ใช้อีกประมาณ 645 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 และกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดให้บริการในปี 2549 น่าจะช่วยรักษาสภาพคล่องของบริษัทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้
ติดต่อ
โสมสิริ ชฎาวัฒน์ +662 655 4753, เลิศชัย กอเจริญรัตรกุล +662 655 4760, Vincent Milton +662 655 4759
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ