กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
เอไอเอส เซเรเนด จัดกิจกรรมสุดสร้างสรรค์เอาใจลูกค้าเซเรเนดครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ล่าสุดจัดทริปทำบุญนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ไหว้พระ 9 วัด เรียบริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในกิจกรรม “เอไอเอส เซเรเนด ไหว้พระ 9 วัด เสริมมงคล รับปี 2553” นำโดย วิลาสินี พุทธิการันต์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารลูกค้าและการบริการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) นำทีมลูกค้าเอไอเอส เซเรเนด ทัวร์บุญใน ครั้งนี้ ถึง 9 วัด ได้แก่ วัดบุคคโล, วัดราชสิงขร, วัดกัลยาณมิตร, วัดอรุณราชวราราม, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, วัดระฆังโฆสิตาราม, วัดอมรินทราราม, วัดคฤหบดี และวัดเทวราชกุญชร ร่วมด้วย ครูมืด-ประสาท ทองอร่าม นักวิชาการละครและดนตรีแห่งกรมศิลปากร ให้เกียรติเป็นมัคคุเทศก์กิตติมศักดิ์ พร้อมทั้งเซเลบริตี้ที่มาร่วมทริปบุญในครั้งนี้ อาทิ วิไล อิสสระ, วาสันตี ฮุนตระกูล, ทิพยนิภา สมะลาภา และ พัชราวดี นิยมวานิช เพื่อเสริมสิริมงคล บุญบารมี รับปีใหม่ที่ใกล้มาถึง และทางเอไอเอสยังมอบส่วนลดค่าโดยสาร 50 บาท กับโปรแกรมล่องเรือไหว้พระ 9 วัด จากราคาปกติ 350 บาท ให้กับลูกค้า เอไอเอส ทุกวันอาทิตย์ จนถึง 31 ธันวาคมศกนี้ สำรองที่นั่งได้ที่เรือด่วนเจ้าพระยา 02-623-6001 ถึง 3
วิลาสินี พุทธิการันต์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารลูกค้าและการบริการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เผยว่า “เอไอเอส เซเรเนด ไหว้พระ 9 วัด เสริมมงคล รับปี 2553 เป็นหนึ่งในโปรแกรมลูกค้าเอไอเอส เซเรเนด ภายใต้คอนเซ็ปต์ Always on Top และ Always Exclusive เป็นโปรแกรมที่ได้มอบความพิเศษที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามาโดยตลอด ซึ่งเป็นความพิเศษเฉพาะคุณและเป็นความพิเศษที่มากกว่าเสมอ ที่วันนี้ลูกค้าทุกๆ ท่าน ไม่เพียงได้ร่วมทำบุญเพื่อเสริมมงคล รับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง แต่ยังจะได้เรียนรู้ถึงประวัติความเป็นมา และความศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละวัดทั้ง 9 วัดอีกด้วย”
ครูมืด-ประสาท ทองอร่าม นักวิชาการละครและดนตรีแห่งกรมศิลปากร เผยถึงกิจกรรม เอไอเอส เซเรเนด ไหว้พระ 9 วัด เสริมมงคล รับปี 2553 ว่า “กิจกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการได้มาเที่ยวพักผ่อน แต่ยังเป็นการเดินทางมาไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคล เสริมสร้างบารมี แต่สาระที่สำคัญคือยังได้เรียนรู้ถึงเรื่องราวความเป็นมาของวัดแต่ละวัดที่จะเดินทางไป ซึ่งทุกวัดมีเรื่องราว ประวัติความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่ เป็นความภูมิใจของบรรพบุรุษ และยังสะท้อนความเป็นไทยแท้ๆ”
เอไอเอส เซเรเนด ไหว้พระ 9 วัด เสริมมงคล รับปี 2553 เริ่มต้นนำเรือด่วนออกจากท่ามหาราช มุ่งตรงสู่ วัดแรก วัดบุคคโล เป็นวัดที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านทิศตะวันออก เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 โดยเจ้าฟ้าหญิงอุบลวรรณา
ทรงปฏิสังขรณ์อุโบสถและวิหาร กุฏิสงฆ์ แล้วเปลี่ยนชื่อวัดใหม่ เรียกว่า วัดอุบลวรรณ แต่ชาวบ้านทั่วๆ ไป ยังเรียกติดปากว่าวัดบุคคโล จนกระทั่งทุกวันนี้ และยังเป็นที่ ประดิษฐานหลวงพ่อแพ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพสักการบูชาของสาธุชนทั่วไป จากนั้นเดินทางสู่ วัดราชสิงขร เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน โดยรัชกาลที่ 1 ล่องเรือผ่านมาเห็น ซึ่งวัดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก จึงมีรับสั่งให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ ต่อมาใน รัชกาลที่ 3 มีรับสั่งให้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่อีกครั้ง และยังได้ตกแต่งวัดให้มีลวดลายคล้ายคลึงกับ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งเป็นวัดที่มีศิลปะไทยผสมกับจีน อีกทั้งเครื่องกระเบื้อง ถ้วยชามสังคโลก และซุ้มประตูพระอุโบสถยังเป็นลวดลายดอกพุดตาน และเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อแดง ซึ่งเล่าขานกันว่า หากได้มาไหว้นมัสการท่าน จะได้สมปรารถนาตามที่ขอ วัดที่สามที่เดินทางไปต่อคือ วัดกัลยาณมิตร เป็นอีกหนึ่งวัดที่คนไทยเชื้อสายจีนให้ความเคารพนับถือ แต่เดิมวัดกัลยาณมิตรเป็นหมู่บ้านที่มีภิกษุจีน พำนักอยู่ และเรียกกันต่อมาว่า "หมู่บ้านกุฎีจีน" ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในชุมชนคนจีน โดยมีหลวงพ่อโต พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อซำปอกง ที่ชาวบ้านรู้จัก จากนั้นเดินทางต่อสู่ วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดที่สร้างในสมัยอยุธยา เดิมเรียกว่าวัดมะกอก เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงตั้งราชธานีที่กรุงธนบุรี ได้เสด็จมาถึงหน้าวัดนี้ตอนรุ่งแจ้ง และโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์และเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า “วัดแจ้ง” ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดแจ้ง และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดอรุณราชธาราม” และในรัชกาลที่ 4 ได้บูรณปฏิสังขรณ์อีกครั้ง และให้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถ เมื่อการปฏิสังขรณ์เสร็จสิ้นลง พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดอรุณราชวราราม”
ข้ามเรือกลับมายังฝั่งพระนคร เพื่อเดินทางสู่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปก่ออิฐ ถือปูน ปิดทองทั่วทั้งองค์ และมีขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังเป็นเสมือนมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย เพราะเป็นแหล่งรวบรวมวิชาความรู้ด้านต่างๆ รวมถึงศิลปะไทยผสมกับจีน อีกทั้งเครื่องกระเบื้อง ถ้วยชามสังคโลก วัดที่ 6 วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดบางหว้าใหญ่ ในสมัยธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสร้างพระราชวังใกล้วัดบางหว้าใหญ่ โปรดเกล้าฯ ให้ยกเป็นพระอารามหลวงและเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช ในสมัยรัชกาลที่ 1 ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ และขุดพบระฆังลูกหนึ่ง จึงโปรดเกล้าฯ ให้นำไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และได้สร้างระฆังถวายวัดบางหว้าใหญ่แทนอีก 5 ลูก จากนั้นได้ พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดระฆังโฆสิตาราม” ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 พระราชทานนามใหม่ว่า “วัดราชคัณฑิยาราม” แต่คนไม่นิยมเรียกชื่อนี้ ยังคงเรียกว่ากันว่าวัดระฆัง และที่นี่ยังมีหอพระไตรปิฎกซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก เคยเป็นพระตำหนักและหอประทับนั่งของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชขณะทรงรับราชการในสมัยธนบุรี โปรดเกล้าฯ ให้รื้อมาถวายวัดเมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว และบูรณปฏิสังขรณ์ให้สวยงามทำเป็นหอพระไตรปิฎก และยังเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อ หลวงพ่อโต หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
ต่อมา วัดอมรินทราราม เดิมชื่อวัดบางหว้าน้อย หลังจากได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เหลือเพียงโบสถ์ จึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อ วัดหลวงพ่อโบสถ์น้อย วัดคฤหบดี วัดที่พระยาราชมนตรีบริรักษ์ ต้นสกุล “ภมรมนตรี” เป็นผู้สร้าง ในสมัยรัชกาลที่ 3 พระราชทานนามวัดและพระราชทานหลวงพ่อแซกคำ พระทองคำโบราณ เนื้อสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย เป็นพระประธานในพระอุโบสถ และวัดที่เก้า วัดเทวราชกุญชร ประดิษฐานพระพุทธรูปโลหะหล่อ ลงรักปิดทองปางมารวิชัย ฝีมือช่างสมัยทวาราวดี เดิมชื่อวัด “สมอแครง” เป็นวัดเก่าแก่โบราณ มีมาก่อนสร้างกรุงรัตนโกสินทร์
เอไอเอส ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมไหว้พระเสริมสิริมงคล กับโปรแกรมล่องเรือไหว้พระ 9 วัด โดยมอบส่วนลดค่าโดยสาร 50 บาท จากราคาปกติ 350 บาท ให้กับลูกค้าเอไอเอส ทุกวันอาทิตย์จนถึง 31 ธันวาคมศกนี้ สำรองที่นั่งได้ที่เรือด่วนเจ้าพระยา 02-623-6001 ถึง 3
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร.0-2434-8300 สุจินดา, แสงนภา, ชินนารี