กรุงเทพฯ--6 ก.พ.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด คาดว่าจะให้อันดับเครดิตภายในประเทศ (National rating) ระยะยาวที่ระดับ ‘BBB+(tha)’ แก่หุ้นกู้มีหลักประกันมูลค่าไม่เกิน 450 ล้านบาท ซึ่งมีอายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งออกโดยบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวสะท้อนถึงอันดับเครดิตของ PF และการสนับสนุนอันดับเครดิตจากการจดจำนองหลักประกันที่เป็นที่ดินปลอดจำนองโดยมีมูลค่าเฉลี่ยของหลักประกัน 708 ล้านบาท ให้แก่ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ซึ่งมีมูลค่าหลักประกันต่อจำนวนเงินกู้ยืมที่ 157% (เท่ากับ Loan-to-Value Ratio ที่ 63.6%) และการค้ำประกันในสัดส่วนร้อยละ 50 ของเงินต้นโดยธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB (ปัจจุบัน ฟิทช์ให้อันดับเครดิตระยะยาวภายในประเทศที่ระดับ A(tha) และระยะสั้นที่ระดับ F1(tha) แนวโน้มเครดิตเป็นบวก) PF มีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการในอนาคตและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนบางส่วน
ผู้ถือหุ้นกู้ของ PF คาดว่าจะได้รับการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยจาก PF เป็นลำดับแรก ในกรณีที่ PF ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ผู้ถือหุ้นกู้สามารถเรียกร้องให้ TMB ทำการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเงินรวม 225 ล้านบาทแก่ผู้ถือหุ้นกู้ การค้ำประกันบางส่วนจาก TMB ช่วยลดผลขาดทุนให้แก่นักลงทุนในกรณีที่เกิดเหตุผิดนัดชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรตระหนักว่าผู้ค้ำประกันไม่ได้ให้ความยินยอมที่จะสละสิทธิที่จะยกข้อต่อสู้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการไม่มีผลบังคับใช้ การไม่มีผลทางกฎหมาย หรือความไม่สมบูรณ์ของสัญญาค้ำประกันและเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นกู้ และยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้ใดๆโดยผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ไม่ได้แจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบ แม้ว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นของเหตุการณ์ดังกล่าวมีน้อยก็ตาม
นอกจากนี้ เงื่อนไขการค้ำประกันได้กำหนดให้ TMB มีสิทธิรับช่วงสิทธิในการเรียกชำระหนี้จาก PF ในกรณีที่ TMB ได้ทำการจ่ายเงินส่วนใดส่วนหนึ่งจากการค้ำประกัน และหนี้ของ TMB มีสิทธิเทียบชั้นหนี้ไม่มีประกันหรือหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิของ PF ถึงแม้เงื่อนไขดังกล่าวอาจส่งผลให้อัตราการได้รับชำระหนี้คืนของผู้ถือหุ้นกู้ลดต่ำลง แต่การจดจำนองลำดับสองในหลักทรัพย์ค้ำประกันของ TMB จะช่วยลดผลกระทบในส่วนของอัตราการได้รับชำระหนี้คืนของผู้ถือหุ้นกู้ที่ลดลงได้
อันดับเครดิตของ PF สะท้อนถึงชื่อเสียงของบริษัทในตลาดบ้านเดี่ยวในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม PF ยังประสบกับปัจจัยเสี่ยงจากการดำเนินงานด้านต่างๆ อาทิ อัตราการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยรวมที่ลดลง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ความเสี่ยงในการบริหารสต็อกบ้านใหม่ในภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดบ้านเดี่ยวในกรุงเทพและปริมณฑล ความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการก่อสร้างที่ล่าช้าและการเพิ่มขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้ PF ยังมีความเสี่ยงในการบริหารสภาพคล่องอันเป็นผลมาจากความไม่สอดคล้องของกระแสเงินสดรับและจ่ายในแต่ละโครงการและภาระหนี้สินที่สูงของบริษัท
PF มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (Net Debt/EBITDA) ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 8.0 เท่า ณ สิ้นไตรมาสสามปี 2548 เทียบกับอัตราส่วนดังกล่าวที่ 8.2 เท่า ณ สิ้นปี 2547 และ 4.4 เท่า ณ สิ้นปี 2546 โดยทั้งนี้เป็นผลมาจากการขยายโครงการใหม่ การซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อใช้สำหรับการพัฒนาโครงการในอนาคตและการจ่ายเงินปันผล แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยค่าวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น EBITDA ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 594 ล้านบาทในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอันเป็นผลจากยอดขายที่ดีขึ้น (เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) อัตราส่วนหนี้สินของ PF น่าจะยังคงสูงอยู่ในช่วงปี 2548/2549 ในขณะที่การลดการซื้อที่ดินใหม่และการขยายโครงการ รวมถึง EBITDA ที่คาดว่าจะสูงขึ้น จะมีส่วนช่วยลดระดับของภาระหนี้สินให้อยู่ในระดับที่ดีขึ้นในปี 2550
แนวโน้มเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นลบเช่นเดียวกับแนวโน้มเครดิตของ PF แนวโน้มเครดิตของ PF สะท้อนถึงสถานะทางการเงินของบริษัทที่จะถูกกระทบอย่างมากถ้าอัตราการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยรวมลดลงไปอีก การเพิ่มขึ้นของยอดขายและการลดลงของอัตราส่วนหนี้สินอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงปีหน้าจะช่วยให้ PF สามารถที่จะรักษาอันดับเครดิตให้คงอยู่ที่ระดับเดิมได้
ติดต่อ: วสันต์ ผลเจริญ, เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล, Vincent Milton, + 662 655 4755
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน--จบ--