กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--ศุภาลัย
บมจ.ศุภาลัย โชว์ผลประกอบการ 3 ไตรมาส โดดเด่นทิ้งห่างบริษัทชั้นนำอื่นๆ ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อย่างชัดเจน พร้อมเผยตัวเลข 10 เดือนเศษ สร้างยอดขายได้ถึง 11,700 ล้านบาท ทะลุเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 10,000 ล้านบาท
นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯ ว่า มีตัวเลขผลประกอบการดีที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากทั้งยอดขาย, ยอดโอน, ยอดรับรู้รายได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้มาก ซึ่งตัวเลขผลประกอบการรวม 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ปรากฎว่า ศุภาลัย ทิ้งห่างจากบริษัทชั้นนำอื่น ๆ ของบริษัทจดทะเบียนประเภทอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก โดยสามารถทำกำไรสุทธิต่ออัตราส่วนผู้ถือหุ้น 37% ขณะที่บริษัทชั้นนำอื่นๆ ทำได้เฉลี่ย 17.2% ส่วนกำไรสุทธิต่อยอดขาย ทำได้ 26% ขณะที่บริษัทชั้นนำอื่นๆ ทำได้เฉลี่ย 15.8% อีกทั้งค่าใช้จ่ายการดำเนินงานและการขาย สามารถควบคุมให้เหลือเพียง 6% ขณะที่บริษัทชั้นนำอื่นๆ ต้องใช้เฉลี่ย 12.2% ของยอดรายรับ
สำหรับยอดกำไรก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ใน 3 ไตรมาสของปี 2552 “ศุภาลัย” ทำได้ 2,633 ล้านบาท จัดเป็นอันดับที่ 2 ของบริษัทจดทะเบียนที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยกัน
ในส่วนยอดขาย 10 เดือนเศษของปี 2552 “ศุภาลัย” สามารถทำยอดขายได้เกือบ 11,700 ล้านบาท แยกเป็นสัดส่วนยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 58% บ้านจัดสรร 42% ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าเป้าการขายที่ตั้งไว้ทั้งปี 2552 คิดเป็น 17% หรือมากกว่ายอดขายทั้งปี 2551 คิดเป็น 30% โดยคาดว่า ทั้งปี 2552 บริษัทฯ น่าจะสามารถทำยอดขายรวมได้ ประมาณ 13,000 ล้านบาท เนื่องจาก 2 โครงการคอนโดมิเนียมทั้ง “ศุภาลัย ปาร์ค อโศก-รัชดา” และ “ศุภาลัย ปาร์ค รัชโยธิน" ที่เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงเดือนพฤศจิกายน เพียง 1 สัปดาห์ สามารถทำยอดขายได้สูงถึงเกือบ 3,000 ล้านบาท
เหตุผลที่ทำให้ ศุภาลัย มีตัวเลขผลประกอบการที่ดี เพราะแบรนด์ของศุภาลัย ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากขึ้น และเกิดการบอกต่อ อนึ่งบริษัทฯ ได้ทำการวิจัยเพื่อการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า อีกทั้งมีการทำวิศวกรรมคุณค่า ทำให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพใช้งานดียิ่งขึ้น รวมถึงได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001 : 2000 และการออกแบบอาคารที่เน้นประหยัดพลังงาน ตลอดจนการบริหารงานที่เน้นความโปร่งใสโดยยึดหลักธรรมภิบาล ตั้งแต่การจัดหาที่ดิน และการจัดจ้างต่างๆ เป็นต้น จึงทำให้บริษัทฯ สามารถคุมค่าใช้จ่ายได้ดี อีกทั้งให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรดีอย่างต่อเนื่อง