กรุงเทพฯ--18 เม.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปี 2548 ภาครัฐสามารถจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและตลาด หลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ รวมมูลค่า 71,082 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 140 ล้านบาทต่อบริษัท โดยบริษัท จดทะเบียน 504 บริษัท เสียภาษีคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงประมาณร้อยละ 20 ของภาษีเงินได้นิติบุคคลทั้งระบบซึ่งมีจำนวนนิติบุคคลรวมประมาณ 260,000 บริษัท
บริษัทที่เข้าจดทะเบียนระหว่างปี 2544 — 2548 เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตั้งแต่เข้าจดทะเบียนถึงปี 2548 รวมมูลค่า 55,152 ล้านบาท โดยหากเปรียบเทียบจำนวนภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทจดทะเบียนกับจำนวนภาษีเงินได้นิติบุคคลของนิติบุคคลทั้งระบบในช่วงปี 2544 — 2547 แล้ว พบว่าบริษัทจดทะเบียนเสียภาษีโดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 45 ในขณะที่นิติบุคคลทั่วไปมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพียงร้อยละ 16
“ภาครัฐสามารถเก็บภาษีได้ในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นผลมาจากมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ภาครัฐมอบให้แก่บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เสียภาษีในอัตรา ร้อยละ 25 และ 20 ตามลำดับ ในขณะที่บริษัทนอกตลาดเสียภาษีในอัตราร้อยละ 30
จากมาตรการดังกล่าวส่งผลให้บริษัทสนใจเข้าจดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฯและตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงตั้งแต่เดือนกันยายน 2544 ถึง ไตรมาสแรก ปี 2549 มีบริษัทเข้า จดทะเบียนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีรวมทั้งสิ้น 160 บริษัท แบ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ฯ 117 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 43 บริษัท ” นางสาวโสภาวดีกล่าว
ทั้งนี้ มีบริษัทที่มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ทาง ภาษี เนื่องจากได้ยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนภายในปี 2548 จำนวน 33 บริษัท แบ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ฯ 21 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 12 บริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทเหล่านี้จะต้องดำเนินการเข้าซื้อขายให้ทันในปี 2549 ซึ่งในจำนวนนี้มีบริษัทที่ได้รับอนุมัติคำขอแล้วจำนวน 11 บริษัท แบ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ฯ 7 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 4 บริษัท
ประธานศูนย์ระดมทุนกล่าวต่อว่า “ยังมีบริษัทซึ่งแสดงความสนใจจะเข้าจดทะเบียน เนื่องจากต้องการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันในปี 2549 อีกจำนวน 120 บริษัท เนื่องจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับมีส่วนช่วยชดเชยภาระค่าใช้จ่ายในการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน”
จากการรวบรวมต้นทุนในการระดมทุนของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ปี 2547 ถึง เดือนสิงหาคม 2548 จำนวน 74 บริษัท พบว่า บริษัทมีต้นทุนในการระดมทุนเฉลี่ยประมาณ 26 ล้านบาทต่อบริษัท และค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามหลักบรรษัทภิบาล ได้แก่ ค่าสอบบัญชี ค่าตอบแทนกรรมการตรวจสอบ เฉลี่ยประมาณ 2 ล้านบาทต่อบริษัท รวมทั้งค่าธรรมเนียมรายปีตลาดหลักทรัพย์ฯ และศูนย์รับฝากหลักทรัพย์เฉลี่ยประมาณ 0.5 ล้านบาท ต่อบริษัท
“ที่ผ่านมาสมาคมบริษัทจดทะเบียนได้พยายามผลักดันและยื่นเรื่องเสนอให้บริษัทจดทะเบียนควรได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราที่ต่ำกว่า เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่รัฐอย่างถูกต้องครบถ้วนและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี ในสัดส่วนที่สูงกว่าบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้น ในระยะยาวอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากบริษัทจดทะเบียนน่าจะค่อยๆ ลดลงมาในระดับที่ทำให้ภาคธุรกิจเกิดความเต็มใจและสามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ ” นางสาวโสภาวดีกล่าวสรุป
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์
โทร. 0-2229 — 2036 / กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037/
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797