กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--องค์การอนามัยโลก
ตามที่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคมของทุกปีเป็น “วันเอดส์โลก” นั้น ประเทศไทย จัดโดย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ได้ดำเนินการรณรงค์เพื่อต้านภัยเอดส์ มาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี
ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค ได้จัดงานแถลงข่าวการจัดกิจกรรมรณรงค์ “วันเอดส์โลก” (Word Aids Day) ในวันพุธที่ 25 พฤศิจกายนนี้ ณ สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข อาคาร 1 ชั้น 2 ห้องประชุม 1 กระทรวงสาธารณสุข โดยมี คุณมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน เปิดงาน พร้อมด้วย นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค, ผู้อำนวยการสำนักอนามัย, คุณสุภัทรา นาคะผิว ประธานคณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์, คุณบริพัตร ดอนมอญ ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย และคุณสมพงษ์ เจริญสุข โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ เข้าร่วมแถลงข่าวและให้ความรู้การป้องกันภัยโรคเอดส์ ซึ่งในปีนี้ได้นักร้องและนางเอกสาวชื่อดัง แดน-วรเวช ดานุวงศ์ และ จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ สุวรรณศุข มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมรณรงค์ ในวันเอดส์โลกปีนี้ด้วย
คุณมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคเอดส์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และพบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในทวีปแอฟริกาประมาณ 25 ล้านคน รองลงมาอยู่ ในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 8 ล้านคน สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 ถึงปัจจุบัน คาดว่ามีผู้ใหญ่ติดเชื้อเอชไอวีประมาณ 1.1 ล้านคน ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้วประมาณ 585,830 คน ยังเหลือผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ที่มีชีวิตประมาณ 532,522 คน และมีผู้ใหญ่ติดเชื้อรายใหม่ประมาณ 12,787 คน โดยรายงานผู้ป่วยเอดส์ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเฉพาะปีนี้ พบว่า สาเหตุหลักร้อยละ 84 มาจากการมีเพศสัมพันธ์ ที่น่าห่วงคือในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15—19 ปี แนวโน้มการติดเชื้ออาจขยายวงกว้างขึ้น เป็นร้อยละ 23 เนื่องจากมีสื่อลามกยั่วยุและเข้าถึงได้ง่าย มีผลให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น โดยพบว่า วัยรุ่นดูหนังหรือวิดีโอโป๊เฉลี่ยร้อยละ 60 วัยรุ่นชายดูร้อยละ 82 วัยรุ่นหญิงดูร้อยละ 48 และเปิดเว็บลามกดูเฉลี่ยร้อยละ 35 หรือประมาณ 1 ใน 3 ของวัยรุ่น และมีอัตราการป้องกันการติดเชื้อเมื่อมีเพศสัมพันธ์ต่ำกว่าร้อยละ 50 โดยผู้หญิงมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยเพียงร้อยละ 39 ทำให้อัตราวัยรุ่นหญิงป่วยเป็นโรคเอดส์สูงกว่าชาย 2 เท่าตัว ขณะที่การติดเชื้อเอดส์จากยาเสพติด ลดลงเหลือ ร้อยละ 5 เท่านั้น”
ด้านพรีเซ็นเตอร์ แดน-วรเวช เผยก่อนว่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากครับ ที่ทางกระทรวงเลือกผมกับจั๊กจั่นมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการรณรงค์วันเอดส์โลกปีนี้ เพราะถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมได้มาทำงานเพื่อสังคมอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะปัญหาเรื่องโรคเอดส์สำหรับผมถือเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างมาก แต่ก็สามารถป้องกันได้อย่างง่ายดายด้วย ซึ่งผู้ติดเชื้อเอดส์ส่วนใหญ่จะมาจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันและไม่ใช้ถุงยางอนามัย ดังนั้นจึงอยากวิงวอนให้ทุกคนหันมาใส่ใจในการป้องกันตัวเองจากโรคเอดส์กันเถอะครับ ก่อนมีเพศสัมพันธ์ควรรู้จักป้องกันตัวเองไว้ก่อน โดยเฉพาะผู้ชายเริ่มป้องกันที่ตัวเราเองก่อน จะเป็นสิ่งที่ดีมากเลยครับ”
ฟาก จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ เผยต่อว่า “ดีใจมากค่ะที่ได้มาร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์กับแดนในครั้งนี้ เพราะรู้สึกว่าตัวเองได้มีส่วนช่วยเหลือสังคมในการออกไปรณรงค์โรคเอดส์ โรคที่สามารถป้องกันได้ ให้ความรู้ความเข้าใจแก่กลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่รู้จักป้องกันตัวเองเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพราะจั๊กจั่นเชื่อว่าถ้าทุกคนมีความรู้ความเข้าใจการป้องกันอย่างถูกต้องแล้ว ปัญหาคนติเชื้อโรคเอดส์ในประเทศไทยก็จะลดน้อยลงเรื่อยๆ ด้วย สำหรับผู้ที่ติดเชื้อแล้วก็ยังสามารถอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้อย่างปกติด้วยนะค่ะ เพียงแต่ต้องรู้จักวิธีการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยกับส่วนร่วม และรู้จักรักษาตัวเองเพื่อต่อสู้กับโรคนี้ต่อไปค่ะ ยังไงจั๊กจั่นขอเป็นกำลำงใจให้ผู้ที่ติดเชื้อได้สู้ต่อไปนะคะ ฃีวิตในวันข้างหน้ายังสดใสเสมอค่ะ”
ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันเอดส์โลก 1 ธ.ค.นี้ จะจัดทุกจังหวัดทั่วประเทศอย่างพร้อมเพียงกัน โดยในส่วนกลางกรุงเทพมหานคร กำหนดจัดในวันที่ 30 พ.ย.นี้ เวลา 16.00 — 21.00 น. ณ ศูนย์การค้า เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ (มาบุญครอง) โดยมีกิจกรรมความบันเทิงมากมายจากศิลปินชื่อดัง พร้อมทั้งเผยแพร่ความรู้ข่าวสารเกี่ยวกับดรคเอดส์ ซึ่งมีแนวคิดการจัดงานเป็นรูแบบจิ๊กซอล หมายถึง ตัวต่อทุกตัวมีความสำคัญหากขาดชิ้นส่วนชิ้นใดไปนั้น จะไม่มีทางต่อรูปที่สมบูรณ์ได้ จึงเปรียบกับการให้ความสำคัญของเรื่องโรคเอดส์ ในคนไทย โดยถือว่าคนไทยทุกคนเป็นเสมือนตัวต่อ มีความสำคัญเท่าเทียนกันทุกชิ้น และเมื่อนำทุกชิ้นมาต่อเติมรวมกัน การรณรงค์และการควบคุมโรคเอดส์ในประเทศไทยจึงจะสามารถประสบความสำเร็จได้