กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
บทบาทใหม่สมาคมสถาปนิกสยามฯ มุ่งสนับสนุนส่งเสริมยุวสถาปนิกในสถาบันการศึกษา ปูทางก่อนประกอบอาชีพจริง ดึงสถาบันการศึกษาร่วมกิจกรรมมากขึ้น วางกลยุทธ์จัดกิจกรรมบริการสมาชิกและสาธารณประโยชน์เพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้าสานต่อกิจกรรมสร้างเครือข่ายวิชาชีพทั้งในและต่างประเทศ เน้นกระชับความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับนานาประเทศ รับมือการเปิดเสรี มุ่งวางบทบาทเป็นศูนย์รวมข้อมูลงานอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทย
นายสิน พงษ์หาญยุทธ นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยถึงนโยบายการบริหารงานในฐานะนายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ คนใหม่ว่า สมาคมสถาปนิกสยามฯ จะมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมของสถาปนิกรุ่นใหม่ โดยเฉพาะนิสิตนักศึกษาที่กำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษามากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะดึงสถาบันการศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดกิจกรรมของสมาคมฯ เพื่อให้สถาปนิกรุ่นใหม่ได้รับประโยชน์จากการดำเนินกิจกรรมของสมาคมฯ มากที่สุด
"สมาคมสถาปนิกสยามฯ จะจัดตั้งโครงการยุวสถาปนิก (Young ASA) สำหรับนิสิตนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เพื่อให้นิสิตนักศึกษามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทการทำงานของวิชาชีพและมีส่วนร่วมในกิจกรรมของสมาคมฯ ตั้งแต่ยังศึกษาอยู่ และเป็นการเตรียมความพร้อมของนักศึกษาในการสอบใบประกอบวิชาชีพด้วย"
นายสินกล่าวต่อไปว่า กิจกรรมของสมาคมจะมุ่งบริการทั้งในส่วนของสมาชิกและสังคม โดยผ่านการบริการของสถาบันสถาปนิกสยาม (ISA) Institute of Siamese Architects ซึ่งเป็นศูนย์ที่ให้บริการด้านวิชาการ เทคนิควิชาชีพ และข้อมูลกฎหมายอาคาร รวมทั้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพสถาปัตยกรรม นอกจากนี้ยังตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญทางด้านสถาปัตยกรรมไทยและการอนุรักษ์อาคาร รวมทั้งมีแผนที่จะเข้าไปช่วยเหลืองานที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนมากยิ่งขึ้น ในส่วนของการให้บริการสังคมนั้นนอกเหนือจากการให้ความรู้กับประชาชนด้านสถาปัตยกรรมและที่อยู่อาศัยแล้วยังมีแนวคิดที่จะขยายขอบเขตการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย"
สำหรับนโยบายในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถาปนิกไทยเพื่อรับมือการเปิดเสรีนั้นสมาคมสถาปนิกสยามฯ มีแนวคิดที่จะใช้ความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีระหว่างสถาปนิกไทยกับสถาปนิกต่างชาติในลักษณะการทำข้อตกลงความร่วมมือฉันท์มิตรกับนานาประเทศ International MOU ซึ่งขณะนี้ได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และลาวเรียบร้อยแล้ว และในอนาคตมีแผนที่จะขยายความสัมพันธ์ของความร่วมมือในด้านสถาปัตยกรรมไปยังประเทศอื่นๆ ต่อไป
ในขณะเดียวกันก็มีนโยบายที่จะพัฒนาความรู้ความสามารถของบุคลากรให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดเสรี โดยสมาคมจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับสมาชิกผ่านการสร้างเครือข่ายผู้ร่วมวิชาชีพ ซึ่งจะส่งผลให้สถาปนิกไทยมีระบบการทำงานที่มีศักยภาพต่อไป รวมทั้งเป็นการลดปัญหาความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือถูกเอารัดเอาเปรียบจากการประกอบอาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดกับสถาปนิกอิสระหรือสถาปนิกที่ทำงานในสำนักงานขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังมีโครงการจัดทำคู่มือมาตรฐานในการปฏิวัติวิชาชีพสถาปนิก เพื่อให้เป็นมาตรฐานในการปฏิบัติวิชาชีพสถาปนิกร่วมกัน
นายสิน กล่าวในตอนท้ายว่า สมาคมฯ มีแผนที่จะสานต่อนโยบายของนายกสมาคมฯ สมัยที่ผ่านมาที่ต้องการขยายขอบข่ายการให้บริการไปยังประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยในช่วงวาระการทำงาน 2 ปีคือ ปี 2549-2551 จะขยายขอบข่ายการจัดกิจกรรมไปยังองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสถาปัตยกรรมมากขึ้น อาทิ การจัดอบรมให้ความรู้กับสมาชิกและประชาชนโดยร่วมมือกับองค์กรของรัฐหรือเอกชน เพื่อให้สมาชิกและประชาชนได้รับประโยชน์จากการจัดกิจกรรมของสมาคมฯ รวมทั้งสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของสมาคมที่ตั้งเป้าเป็นศูนย์รวมวิชาชีพที่ให้บริการทั้งสมาชิกและสังคม รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอกสมาคมฯ โดยการจัดกิจกรรมภายในจะมีการสื่อสารกับสมาชิกในองค์กรผ่านทางเว็บไซต์และจดหมายข่าว ในส่วนของกิจกรรมภายนอกจะมีการจัดกิจกรรมผ่านสื่อมวลชนสัมพันธ์และจัดกิจกรรมโดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
พรทิภา อยู่แสง หรือ ศริญญา แสนมีมา
โทร. 0-2204-8215, 0-2204-8218
โทรสาร 0-2259-9246