กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
ประเทศไทยผนึกกำลังสามหน่วยงานใหญ่ จัดเทศกาลดนตรีและวัฒนธรรมแห่งอาเซียน (Asean Music & Culture Festival) ภายใต้แนวคิดใช้ดนตรีและวัฒนธรรม สานพลังประชาคมอาเซียนเป็นหนึ่งเดียว ส่งท้ายตำแหน่งประธานอาเซียนอย่างยิ่งใหญ่ 11-12 ธ.ค.นี้ หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน
นางทยา ทีปสุวรรณ แถลงข่าวการจัดงานมหกรรมเทศกาลดนตรีและวัฒนธรรมแห่งอาเซียน หรือ Asean Music & Culture Festival ร่วมกับ นายวิทวัส ศรีวิหค อธิบดีกรมอาเซียน ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ กระทรวงการต่างประเทศ และอาเซียน จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ใช้ดนตรีและวัฒนธรรม สานพลังประชาคมอาเซียนเป็นหนึ่งเดียว” เพื่อปลุกพลังสร้างสรรค์มรดกร่วมสมัยทางดนตรีและวัฒนธรรมแห่งประชาคมอาเซียน ให้รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว พร้อมส่งท้ายตำแหน่งประธานอาเซียนสู่เวียดนาม จัดยิ่งใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 11-12 ธันวาคม 2552 ตลอด 2 วัน 2 คืน ณ ลานสแควร์ เอ หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่เวลา 18.00-21.00 น. โดยมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมสุดอลังการที่แสดงถึงการรวมตัวกันของวัฒนธรรมอาเซียนอย่างลงตัว พบการแสดงพิเศษจากประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย พร้อมด้วยการแสดงจากศิลปินชื่อดังของไทย อาทิ กอล์ฟ-ไมค์, ลิปตา, เบน ชลาทิศ และศิลปินอื่นๆ อีกมากมาย
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า อาเซียนมีมรดกทางวัฒนธรรมที่เข้มแข็งและมีเอกลักษณ์อันโดดเด่น การสร้างความเป็นหนึ่งเดียวโดยใช้ดนตรีและวัฒนธรรมของแต่ละประเทศเป็นจุดสำคัญของการสร้างสรรค์แนวคิด เพื่อเป็นสื่อกลางที่ทุกชาติสามารถเข้าถึงมรดกทางวัฒนธรรมของแต่ละประเทศอย่างลึกซึ้ง จะช่วยให้ประชาคมนี้มีความเข้มแข็งและกระตุ้นการรับรู้ของคน ในภูมิภาคอย่างกว้างขวางมากขึ้น ทั้งนี้ กรุงเทพฯ คือจุดยุทธศาสตร์สำคัญของอาเซียน เวทีเทศกาลนี้จึงต้องเป็นใจกลางของกรุงเทพฯ โดยเชื่อมั่นว่าเทศกาลนี้จะเป็นมหกรรมที่จะสร้างความประทับใจให้กับประชาคมอาเซียนและนักท่องเที่ยวจากนานาชาติ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนด้วย
อธิบดีกรมอาเซียน กล่าวว่า ไทยมีบทบาทหลายประการในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของภูมิภาคนี้ อาทิ การส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของคนในภูมิภาค การผสานความร่วมมือ และการสร้างบทบาทของความเป็นผู้นำในภูมิภาค การตอบสนองต่อภาวะวิกฤติอย่างเร่งด่วนที่มีผลกระทบต่ออาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที อีกทั้งเป็นผู้แทนของอาเซียน ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับประชาคมอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยได้ปฏิบัติภารกิจต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นที่ยอมรับของประเทศสมาชิกและประเทศอื่นๆ เพื่อตอกย้ำความเป็นประธานอาเซียนอย่างสมบูรณ์แบบและเติมเต็มความสัมพันธ์ระหว่างภูมิภาคให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น จึงมีแนวคิดในการสร้างเวทีสัญลักษณ์ เพื่อส่งเสริมความมั่นคงในด้านต่างๆ ทั้งทางสังคมและวัฒนธรรม โดยการเปิดตัวเทศกาลดนตรีและวัฒนธรรมครั้งนี้ จะช่วยให้ภาพของความเป็นอาเซียนในสายตาชาวโลกชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งเป้าหมายสำคัญ คือ การสร้างการมีส่วนร่วมของคนในภูมิภาค สำหรับการแสดงที่นำมาโชว์นั้น จะสื่อถึงความเป็นหนึ่งเดียวของประชาคมอาเซียน ทั้งในแง่ของมรดกทางวัฒนธรรมและดนตรีร่วมสมัย เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของการนำดนตรีและวัฒนธรรมมาเป็นสื่อกลางแสดงถึงความเป็นเอกภาพนั่นเอง