กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--นิโอ ทาร์เก็ต
บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) รายงานผลการดำเนินงานสำหรับรอบปีบัญชี 2552 โดยมีผลกำไรสุทธิ 1,813 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ทำให้ความต้องการใช้บริการในธุรกิจหลักของบริษัทฯ ลดลง
คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.54 บาท ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ถึงแม้ว่าจะยังมีแรงกดดันจากการแข่งขันในตลาดและเศรษฐกิจยังคงไม่ฟื้นตัว นอกจากนี้ บริษัทยังจะขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการรักษาหุ้นเพิ่มทุนสำหรับบุคคลในวงจำกัดจำนวน 50 ล้านหุ้น เพื่อสำรองไว้สำหรับอนาคตหากต้องการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจในกลุ่มขนส่ง พลังงานและสาธารณูปโภค
ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (“TTA”) เปิดเผยว่า “บริษัทมีผลกำไรสุทธิรวมของบริษัทฯตลอดรอบปีบัญชี 2552 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552) จำนวน 1,813 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 2.56 บาท โดยมีรายได้จาการดำเนินงานเท่ากับ 19,959.92 ล้านบาท มีรายจ่ายจากการดำเนินงานเท่ากับ 18,494.04 ล้านบาท ท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรงในตลาดขนส่งสินค้าแห้งเทกอง ความต้องการในบริการนอกชายฝั่งลดลง และเศรษฐกิจทั่วโลกที่ถดถอย
“เงินปันผลในอัตราร้อยละ 0.54 บาท จะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 ตามรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ปรากฎอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2553 และบริษัทมีกำหนดปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553 นอกจากนี้ บริษัทฯ จะยังขอให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติในการรักษาหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 50 ล้านหุ้นสำหรับเสนอขายให้กับบุคคลในวงจำกัด ซึ่งเป็นวงเงินเพิ่มทุนเดิมที่เราเคยได้รับการอนุมัติไว้แล้วเมื่อ 10 ปีก่อนและยังไม่ได้มีการออกจำหน่าย ซึ่งตามหลักเกณฑ์ใหม่ของกลต. บริษัทฯ ต้องนำวาระนี้มาให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติเป็นประจำทุกปี หากบริษัทฯ ยังไม่ได้มีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่สำรองนี้ไว้และยังต้องการเก็บรักษาไว้ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังไม่มีแผนการที่จะเสนอขายหุ้นในตอนนี้ แต่ต้องการที่จะรักษาหุ้นเพิ่มทุนชุดนี้ไว้เพื่อสภาพคล่องทางการเงินในอนาคตเท่านั้น ทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ น่าจะยังคงอยู่ที่ระดับเดิมเหมือนปีที่ผ่านมา ” มล. จันทรจุฑา กล่าว
บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 933,052,865 บาท ประกอบด้วย หุ้นที่จำหน่ายได้แล้ว 708,004,413 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และมีหุ้นที่ยังมิได้ออกจำหน่ายจำนวน 175,000,000 หุ้น ซึ่งหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายนี้ มีไว้เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งหากผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติหุ้นเพิ่มทุนตามบริษัทฯ เสนอ ก็จะทำให้ทุนจดทะเบียนเป็น 933,004,413 บาท
ผลการดำเนินงานในรอบปีบัญชี 2552
บริษัทฯ ได้รับส่วนแบ่งกำไรสุทธิจากธุรกิจหลักในไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชี 2552 ( 1 กรกฎาคม — 30 กันยายน 2552) และในรอบปีบัญชี 2552 ดังนี้
ส่วนแบ่งกำไรสุทธิที่ให้กับบริษัทฯ ไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชี 2552 รอบปีบัญชี 2552 ร้อยละ
ธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง 130.9 623.7 34.4
ธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ 56.8 221.7 12.2
ธุรกิจบริการนอกชายฝั่งและเรือขุดเจาะ 67.7 400.9 22.1
บริษัทที่ถือหุ้นเพื่อการลงทุนและ 209.4 567.4 31.3
การตัดรายการระหว่างกัน
รวม (ล้านบาท) 464.8 1,813.7 100.0
“ธุรกิจหลักทั้งสามส่วน (พลังงาน ขนส่ง และสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน) มีรายได้เฉลี่ยในอัตราส่วนใกล้เคียงกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์ในเชิงบวกของการดำเนินกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยง เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด มหาชน ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งและงานขุดเจาะซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจพลังงาน มีส่วนแบ่งกำไรที่ให้กับ TTA เท่ากับร้อยละ 22.1 เพิ่มจากร้อยละ 6.5 เมื่อปีก่อน การขยายฐานธุรกิจหลักออกไป ทำให้เราสามารถรักษาฐานรายได้และกำไรให้กับ TTA ในกรณีที่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งได้รับผลกระทบจากวัฎจักรของธุรกิจ นอกจากนี้ เรายังคาดหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนในเชิงบวกของการลงทุนเข้าซื้อกิจการต่างๆ ในปี 2553 นี้” ม.ล.จันทรจุฑา กล่าวเพิ่มเติม
ตลอดปีบัญชี 2552 นี้ บริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเป็นจำนวน 10,718.89 ล้านบาท ลดลง 808.91 ล้านบาทจากปีก่อน โดยเป็นเงินสดรับจากกิจกรรมการดำเนินงานจำนวน 5,000.68 ล้านบาท ใช้ไปเพื่อการลงทุนจำนวน 4,757.44 ล้านบาท และใช้ในกิจกรรมจัดหาเงิน (financing activities) 1,111.25 ล้านบาท รวมทั้งมีรายการเงินสดรับจำนวน 140.36 ล้านบาทจากการลงทุนในบริษัทย่อย และส่วนที่เหลืออีกจำนวน 81.26 ล้านบาทเกิดจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลง
กิจกรรมการลงทุนส่วนใหญ่ในรอบปีบัญชี 52 นี้เป็นของเมอร์เมดที่ใช้ในการชำระเงินค่างวดในการสั่งต่อเรือขุดเจาะใหม่จำนวน 979 ล้านบาท และเรือสนับสนุนงาน ROV และยาน ROV เป็นจำนวน 1,050 ล้านบาท และชำระเงินค่างวดสำหรับระบบและอุปกรณ์สนับสนุนงานประดาน้ำจำนวน 396 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายสะสมเกี่ยวกับการนำเรือเข้าอู่ซ่อมแห้งทั้งของบริษัทฯ และเมอร์เมด
นอกจากนี้เมอร์เมดยังดำเนินโครงการเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่พนักงาน โดยจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญชนิดระบุผู้ถือและไม่สามารถเปลี่ยนมือได้ให้แก่กรรมการและพนักงานจำนวน 4,000,000 หน่วย อายุไม่เกิน 5 ปี โดยมีจำนวนหุ้นที่รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ จำนวน 4,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 0.51 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของเมอร์เมดจำนวน 784,747,743 หุ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แก่พนักงาน
ในรอบปีบัญชีนี้บริษัทฯยังได้ซื้อคืนและยกเลิกหุ้นกู้แปลงสภาพบางส่วนเป็นเงิน 56.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ คิดเป็น 1,927.5 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 33.2 ของเงินต้นคงค้างภายใต้หุ้นกู้แปลงสภาพที่ออก กำไรที่ได้จากากรยกเลิกหุ้นกู้แปลงสภาพคิดเป็นเงิน 676.3 ล้านบาทที่บันทึกในงบการเงินรอบปีบัญชี 2552 นี้
นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการขายเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองไปรวมจำนวนทั้งสิ้น 8 ลำ คิดเป็นเงินจำนวน 623.29 ล้านบาท โดยมีกำไรในทางบัญชีจากการขายคิดเป็นจำนวน 33.51 ล้านบาท บริษัทฯ ได้สั่งต่อเรือใหม่ไปแล้วจำนวน 5 ลำ ซึ่งมีกำหนดทยอยรับมอบเรือใหม่ตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2555 รวมเงินลงทุนทั้งสิ้น 182 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเงินที่ใช้ในแผนปรับปรุงกองเรือของบริษัทฯ มาจากเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานและจากเงินกู้ร่วมหลายสถาบัน (Syndicated loan facility) จำนวน 360 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในปี 2552 นี้บริษัทฯ ได้เดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเชี่ยวชาญในธุรกิจหลัก เช่น ภายใต้กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค บริษัทฯได้เข้าซื้อกิจการและเข้าไปถือหุ้น 100% ในบริษัท Baconco Co., Ltd. ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นธุรกิจนำเข้าและส่งออกปุ๋ยอันจะช่วยเกื้อหนุนธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง ในราคา 374.1 ล้านบาท ซึ่งนับจากวันที่ซื้อจนถึง 30 กันยายน 2552 ธุรกิจนี้สามารถสร้างรายได้ให้กับ TTA 365.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 17.6 ล้านบาท สำหรับกลุ่มธุรกิจพลังงาน บริษัทฯได้ลงทุนซื้อหุ้นร้อยละ 21.18 ใน Merton Group (Cyprus) Limited ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าธุรกิจเหมืองถ่านหินในประเทศฟิลิปปินส์ เป็นจำนวน 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะนี บริษัทฯ กำลังอยู่ในขั้นตอนของเสนอซื้อหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นและผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ UMS ที่เหลือทั้งหมด
“ถึงแม้ว่าเราจะต้องเผชิญกับสภาพการแข่งขันที่รุนแรงในภาวะที่เศรษฐกิจที่ท้าทายเช่นนี้ บริษัทฯ ก็ยังคงสามารถสร้างรายได้และกำไรในเชิงบวกได้ภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจหลักคือ ขนส่ง พลังงานและสาธารณูปโภค ซึ่งสะท้อนถึงรายได้ที่มั่นคงและแนวโน้มที่พัฒนาขึ้นของธุรกิจหลักของเรา แต่เราคาดการณ์ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะยังคงไม่ดีขึ้นเท่าไรในปี 2553 ดังนั้น บริษัทฯจะยังคงยึดนโยบายการดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบควบคู่กับการมองหาโอกาสการขยายธุรกิจใหม่ๆที่น่าสนใจ เนื่องจากบริษัทฯเองมีสภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่งประกอบกับยังได้รับการสนับสนุนทางการเงิน (Syndicated Loan Facility) อีกจำนวน 200 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา จากธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ 4 แห่งเมื่อเร็วๆนี้เพื่อใช้ในการลงทุนในกิจการต่างๆในอนาคต ” ม.ล. จันทรจุฑา กล่าวสรุป
ข้อมูลเกี่ยวกับ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์
บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ เป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงติด 50 อันดับแรก และยังเป็นบริษัทฯ ที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นสูง โดยบริษัทฯ เน้นกลยุทธ์การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงในธุรกิจด้านการขนส่ง พลังงาน และสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ทั้งในและนอกประเทศ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับการยอมรับว่า เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าแห้งเทกอง ซึ่งมีบริการครอบคลุมทั้งแบบประจำเส้นทางและให้เช่าเหมาลำ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ขยายการลงทุนออกไปในธุรกิจอื่นๆ ที่สามารถให้การสนับสนุนและส่งเสริมธุรกิจเดิมที่มีอยู่ให้มากขึ้น เช่น การลงทุนในธุรกิจการให้บริการงานนอกชายฝั่งเกี่ยวกับงานบริการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและงานวิศวกรรมโยธาใต้น้ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน)
For More Information Please Contact :
Neo Target Co.,Ltd.
Ms.Narueporn / Ms.Siriarpa/ Ms.Nannapat Tel.02-631-2290-5 Ext 307/302/306 Fax.02-234-6192-3
E-mail:Narueporn@neotarget.com/ Siriarpa@neoTarget.com/ Nannapat@neotarget.com