กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--บลจ. แอสเซท พลัส
บลจ. แอสเซท พลัส เปิดขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสเอเชียรีคัฟเวอรี่ 10/8 ลงทุนใน Lyxor ETF MSCI AC Asia Pacific ex Japan กองทุน ETF ที่ลงทุนในบริษัทจดทะเบียนชั้นนำและขนาดใหญ่ในเอเชียแปซิฟิก เป้าหมายผลตอบแทนที่ 10% ภายใน 8 เดือน เสนอขายครั้งเดียว วันนี้— 9 ธันวาคม นี้
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา หลังจากผ่านวิกฤตการณ์สถาบันการเงินในช่วงปี 2551 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะแข็งแกร่งกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น เนื่องจาก ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีขีดความสามารถในการเติบโตอยู่ในระดับสูง จากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น และฐานะทางการเงินที่ค่อนข้างมั่นคงเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน และเกาหลีใต้ ที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ ซึ่งจะยิ่งช่วยส่งเสริมให้ประเทศในกลุ่มเอเชียมีแนวโน้มกลับมาเติบโตได้เร็วในปีหน้า
“ในปีนี้ดัชนี MSCI AC Asia Pacific ex Japan ได้ปรับเพิ่มขึ้น 61.35% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปรับเพิ่มขึ้น 17.07% และดัชนีโลก MSCI All Country World ปรับเพิ่มขึ้น 24.98% เป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นกลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และเป็นกำลังสำคัญของในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ การประเมินมูลค่าพื้นฐานของหุ้นที่อยู่ในดัชนี MSCI AC Asia Pacific ex Japan ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงในการลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนชั้นนำขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่า ในปี 2553 บริษัทจดทะเบียนในเอเชียแปซิฟิกจะมีระดับกำไรต่อหุ้น (EPS) ประมาณ 26% และมีอัตราการเติบโตของกำไร ประมาณ 21 % ส่งผลให้หุ้นเอเชียจึงมีความน่าสนใจลงทุนไม่น้อย“ ดร.วิน กล่าว
ในด้านปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในกลุ่มธุรกิจ ดูไบ เวิลด์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลดูไบที่เลื่อนการชำระหนี้ ดร.วิน ให้ความเห็นว่า คาดว่าน่าจะมีผลกระทบโดยตรงต่อธนาคารในยุโรปหรือตะวันออกกลางที่ลงทุนหรือปล่อยกู้ในตราสารของบริษัทในประเทศดูไบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยอ้อมต่อบรรยากาศการลงทุนจากความกังวลของผู้ลงทุนในช่วงระยะสั้นประมาณ 1-2 เดือนข้างหน้า แต่คาดว่า sentiment ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์กับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจากการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนหลังจากการประเมินมูลค่าพื้นฐานและเลือกลงทุนในภูมิภาคที่มีความมั่นคงด้านเศรษฐกิจและมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ดังนั้นจึงเห็นว่า ช่วงนี้น่าจะเป็นโอกาสเหมาะที่จะลงทุนในหุ้นดีราคาถูกในเอเชีย สำหรับประเด็นเรื่องการกังวัลเรื่องฟองสบู่แตกของจีนคาดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ยาก เนื่องจากสถาบันการเงินทุกแห่งในประเทศจีนมีความมั่นคงทางการเงินสูงจากการถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลจีน
ดร.วิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ บลจ.แอสเซท พลัส มีมุมมองในเชิงบวกด้านปัจจัยพื้นฐานกับการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก จึงเสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสเอเชียรีคัฟเวอรี่ 10/8 (ASP-ASIA10/8) ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน — 9 ธันวาคม นี้ โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนใน Lyxor ETF MSCI AC Asia Pacific ex Japan ซึ่งเป็นกองทุนรวม ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ทั้งนี้ กองทุน Lyxor มีนโยบายเลือกลงทุนในบริษัทจดทะเบียนชั้นนำและขนาดใหญ่ในประเทศต่างๆ ในเอเชีย เช่น ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเชีย มาเลเชีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทย โดยผสมลักษณะของหุ้นระหว่างหุ้นที่มีการเติบโตสูง (High Growth) เช่น เกาหลีใต้ และจีน และหุ้นที่สามารถต้านทานภาวะความผันผวนของตลาดได้สูง (Defensive) เช่น ออสเตรเลีย โดยกองทุนมุ่งหวังที่จะสร้างโอกาสรับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุนในดัชนี MSCI AC Asia Pacific Ex Japan ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงในการลงทุนหุ้นในประเทศแถบเอเชียที่มีสภาพคล่องสูง
“กองทุน ASP-ASIA10/8 นี้ เป็นกองทุนปิด เปิดเสนอขายครั้งเดียว โดยมีลักษณะเป็น Target Fund ที่มีการกำหนดผลตอบแทนเป้าหมายที่แน่นอนที่ 10% โดยกองทุนจะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 11 บาท เป็นเวลาติดต่อกัน 3 วันทำการ หรือเมื่อครบกำหนดอายุโครงการ ซึ่งเป็นระยะเวลาการลงทุนสั้นๆ เพียง 8 เดือน ทั้งนี้ จากแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจในเอเชีย น่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายได้” ดร.วินกล่าว
ติดต่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้ลงทุนทั่วไป : Call Center 02-672-1111
สื่อมวลชน : ส่วนงานประชาสัมพันธ์ มุกพิม จุลพงศธร โทร. 02-672-1000 ต่อ 3308
อีเมล์: mookpim_ch@assetfund.co.th