กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--ปตท.
กลุ่ม ปตท. ยืนยันเจตนารมณ์ดูแลอุตสาหกรรมให้สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างเกื้อกูล โดยยินดีให้ความร่วมมือดำเนินการตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ยอมรับส่งผลกระทบ 25 โครงการ แต่จะทำให้สังคมเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่ม ปตท. พร้อมรับคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดซึ่งทำให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ และนำมาซึ่งกระบวนการมีส่วนร่วมตามแนวรัฐธรรมนูญมาตรา 67 นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของความร่วมมือระดับพหุภาคีเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมและสังคมให้เติบโตคู่กันอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน โดยโครงการในกลุ่ม ปตท. ที่สามารถดำเนินโครงการซึ่งศาลปกครองสูงสุดให้ความเห็นว่าเป็นโครงการที่ไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชุมชนและเป็นโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ .โครงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำทิ้งโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 โครงการเชื้อเพลิงสะอาดและปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ (EURO IV) ของ PTTAR โครงการผลิตเชื้อเพลิงสะอาด ติดตั้งหน่วยควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิงและเพิ่มไบโอดีเซล ของ SPRC โครงการติดตั้งหน่วยควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิงและเพิ่มไบโอดีเซล ของ PTTAR โครงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดท่าเทียบเรือและคลังผลิตภัณฑ์ (LPG/Butene-1) ของ PTTCH โครงการติดตั้ง Loading Arm เพิ่มเติมที่ท่าเทียบเรือของโรงกลั่นน้ำมันสตาร์ ของ/ SPRC โครงการปรับปรุงระบบหมุนเวียนก๊าซกลับคืนของโรงงานผลิต PP ของ HMC นอกจากนั้นยังรวมถึงโครงการในกลุ่ม ปตท. ที่ได้รับอนุญาตก่อนรัฐธรรมนูญประกาศใช้ 24 ส.ค.50 อาทิ โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 โครงการส่วนขยายโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกชนิดความหนาแน่นสูง (BPEX) และโครงการโรงงานผลิตเอทานอลเอมีน
ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท. ยืนยันว่าจะดำเนินงานตามมาตรฐานและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างเคร่งครัด แม้จะเป็นโครงการที่ไม่ได้ก่อให้เกิดมลพิษเพิ่มขึ้น รวมทั้งผ่านการอนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และมีการศึกษาการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ (HIA) อยู่แล้ว กลุ่ม ปตท. ก็จะเร่งดำเนินการจัดทำ HIA ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการจัดเวทีกำหนดขอบเขตประเมินผลกระทบสุขภาพโดยสาธารณะ (Public Scoping) และจัดเวทีทบทวนร่างรายงานการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสุขภาพโดยสาธารณะ (Public Review) เชื่อว่าจากนี้ไปภาครัฐก็จะเร่งรัดมาตรการอื่นๆ ที่จะต้องดำเนินตามมาตรา 67 ให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องการจัดตั้งองค์การอิสระ และข้อกำหนดเพิ่มเติมด้านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมเกิดการพัฒนาและประชาชนได้รับการดูแลให้มีความสุขอย่างยั่งยืน
ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
โทร. 0-2537-1629-30