กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--คต.
นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า สินค้าอาหาร เครื่องสำอาง และยา เป็นสินค้าที่มีศักยภาพทางการตลาดสูงในอิหร่าน อย่างไรก็ดี การนำเข้าจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานต่าง ๆ ของอิหร่าน ซึ่งกฎระเบียบและขั้นตอนการนำเข้าสรุปได้ ดังนี้
1. จดทะเบียนรับรองการเป็นตัวแทนในอิหร่านหรือเป็นผู้แทนจากผู้ส่งออกอย่างเป็นทางการ
ผู้ส่งออกไทยหรือผู้ผลิตต้องออกใบรับรองการแต่งตั้งเป็นตัวแทน Agent ในยี่ห้อสินค้า รุ่น หรือแบบสินค้าของตน ให้กับผู้นำเข้าที่จดทะเบียนนิติบุคคลในอิหร่าน เพื่อนำไปจดทะเบียนรับรองการเป็นตัวแทนหรือผู้แทน (Agent) ต่อกระทรวงพาณิชย์อิหร่าน เพื่อดำเนินการขอใบอนุญาตโรงงาน ใบอนุญาตนำเข้าสินค้า และดำเนินการด้านพิธีการตรวจปล่อยสินค้าและจำหน่ายสินค้า
2. ขอใบอนุญาตโรงงาน
ผู้นำเข้าที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนหรือผู้แทนในขั้นตอนที่ 1 ดำเนินการขอใบอนุญาตโรงงานต่อกระทรวงสาธารณสุขและแพทย์อิหร่าน โดยต้องชำระค่าตรวจโรงงาน 5,400 เหรียญสหรัฐฯ และยื่นหลักฐานต่างๆ เช่น หนังสือนำส่งตรวจโรงงานไทยที่ได้รับจากกระทรวงพาณิชย์อิหร่าน เอกสารรับรอง GMP ข้อมูลรายละเอียดสินค้า (Product Master file) ข้อมูลรับรองการเป็นผู้ผลิต (Plant Master file)
3. ขอใบอนุญาตนำเข้าสินค้า
ภายหลังจากโรงงานผ่านการตรวจสอบแล้ว ผู้นำเข้าต้องดำเนินการขอใบอนุญาตนำเข้าสินค้าต่อกระทรวงสาธารณสุขและแพทย์อิหร่าน โดยต้องชำระค่าใช้จ่าย 900 เหรียญสหรัฐฯ ต่อกลุ่มชนิดสินค้า และยื่นหลักฐานต่างๆ เช่น หนังสือนำส่งตรวจโรงงานไทยที่ได้รับจากกระทรวงพาณิชย์อิหร่าน หนังสือใบอนุญาตโรงงาน ใบอนุญาตการขายสินค้า (Certificate of Free Sale) ที่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุขไทย ใบรับรองการวิเคราะห์สินค้าที่จะนำเข้าแต่ละชนิด (Certificate of Analysis) ใบรายละเอียดสินค้าที่จะนำเข้าเป็นภาษาท้องถิ่น (ใบ Farsi-written Plan) เป็นต้น
4. นำเข้าสินค้าและดำเนินการด้านพิธีการตรวจปล่อยสินค้า
ผู้นำเข้าจะนำใบอนุญาตนำเข้าไปยื่นต่อศุลกากรอิหร่านเพื่อตรวจปล่อยสินค้า อย่างไรก็ดี สินค้าที่มาถึงท่าเรือ/สนามบิน จะถูกกักสินค้าไว้ก่อน เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขอิหร่านตรวจสอบและเปรียบเทียบผลการวิเคราะห์ที่ได้รับแจ้งตามขั้นตอนที่ 3 ก่อน จึงจะได้รับอนุญาตให้นำสินค้าไปจำหน่ายได้
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าถึงตลาดอิหร่านจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างโรงงานผลิตในไทย ผู้ส่งออกไทย และผู้นำเข้าอิหร่านมากกว่าประเทศอื่น ๆ ซึ่งใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 9-12 เดือน และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 9,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหนึ่งโรงงานและหนึ่งชนิดสินค้า ซึ่งหากผู้ส่งออกไทยสามารถทำให้สินค้าไทยผ่านการตรวจสอบของอิหร่าน และวางจำหน่ายในตลาดอิหร่านได้อย่างถูกกฎหมาย จะเป็นการสร้างโอกาสขยายตลาดอิหร่านที่ศักยภาพสูง คู่แข่งน้อย และประชาชนมีความต้องการบริโภคสินค้าและ มีกำลังซื้อ
ที่มา : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเตหะราน