กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
เวลา 18.05 น. ณ บริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ถ.ราชดำเนินกลาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดงาน นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 “พระบารมีจรัสหล้า” โดยมี ดร.พงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ข้าราชการ ลูกจ้างกรุงเทพมหานคร และประชาชนร่วมพิธี
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 นับเป็นวาระสำคัญยิ่งที่ปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า จะได้ร่วมแสดงความกตัญญูกตเวทีน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดีถวายเป็นราชสักการะ ในการนี้ภาครัฐบาลและเอกชนได้ร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองอย่างสมพระเกียรติ โดยกรุงเทพมหานครได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบร่วมกับกระทรวงต่างๆ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ณ บริเวณถนนราชดำเนิน ตั้งแต่บริเวณแยกสะพานผ่านฟ้า ถึงบริเวณแยกผ่านพิภพลีลา
กรุงเทพมหานครจึงได้กำหนดจัดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ขึ้น ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 3 ถึงวันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2552 ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ภายใต้แนวคิด “พระบารมีจรัสหล้า” โดยรูปแบบและกิจกรรมสำคัญภายในงาน ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการ จัดทำมัลติมีเดียเฉลิมพระเกียรติฯ การแสดงแสง เสียง และสื่อผสม และกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชน
นิทรรศการจะแบ่งออกเป็น 9 โซน ประกอบด้วย นิทรรศการ มัลติมีเดียเฉลิมพระเกียรติฯ การแสดงแสง เสียง และสื่อผสม โดยนิทรรศการจะแบ่งออกเป็น 9 โซน คือ
โซนที่ 1 เป็นซุ้มเฉลิมพระเกียรติจะเป็นประตูทางเข้างาน ชื่อซุ้ม “กรุงเทพนคราสดุดี” ซึ่งประดับตกแต่งอย่างสวยงามยิ่งใหญ่ พร้อมอัญเชิญพระมหาพิชัยมงกุฎมาประดิษฐานอยู่เหนือสุดของซุ้ม
โซนที่ 2 เรียกว่า “ผลึกบารมีนิรมิต” จัดทำเป็นผลึกแก้วขนาดใหญ่ โปร่งใส หมุนได้รอบทิศทาง ใช้เป็นจอฉายภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรางวัลแห่งเกียรติยศที่แสดงถึงการแซ่ซ้องสดุดีจากชาวโลก
โซนที่ 3 “ศาลาส่องใจราษฎร์” จะประมวลภาพแห่งความผูกพันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ โดยจัดแสดงในศาลารายทั้ง 3 หลัง
โซนที่ 4 ใช้ชื่อว่า “พลับพลาประกายจรัสหล้า” แสดงการประกาศพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทั่วโลก แสดงภาพรางวัลและเหรียญเฉลิมพระเกียรติ ที่องค์กรระหว่างประเทศทูลเกล้าฯ ถวาย พร้อมทั้งประมวลภาพเหตุการณ์ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
โซนที่ 5 “ลานฉายพลังแห่งแผ่นดิน”ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ กว้าง 1.8 เมตร สูง 5 เมตร และสวนโดยรอบจัดเป็นนิทรรศการบนเหลี่ยมเพชร ประมวลภาพพระราชกรณียกิจ 5 เรื่อง รวม 108 ภาพ
โซนที่ 6 กรุงเทพมหานครได้น้อมนำแนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาเมืองในด้านต่างๆ มาจัดนิทรรศการในชื่อ “ทรงเป็นแรงบันดาลใจ”
โซนที่ 7 เป็น “หอภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ” เพื่อฉายมัลติมีเดีย เรื่อง “ในดวงใจไทยนิรันดร์” โดยจะฉายวันละ 9 รอบๆ ละประมาณ 10 นาที ตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. เป็นต้นไป
โซนที่ 8 เป็นการแสดงแสง เสียง และสื่อผสม เรื่อง “ฉายพลังแห่งแผ่นดิน” บริเวณ “ผลึกบารมีนิรมิต” นำเสนอเรื่องราวพระราชกรณียกิจที่ทรงคุณไพศาลแก่แผ่นดินไทย จัดแสดงเพียง 2 รอบ คือ ในวันที่ 3 และวันที่ 5 ธันวาคม เวลา 19.00 น.
โซนที่ 9 “จุดรวมใจถวายพระพร” โดยเปิดให้ประชาชนรับบัตรเขียนคำถวายพระพร รูป “ดอกไม้เงิน-ดอกไม้ทอง” ซึ่งสามารถนำไปประทับตราเพื่อแลกรับโปสการ์ดที่ระลึกที่จัดพิมพ์ขึ้นเป็น 5 รูปแบบๆ ละ 10,000 ฉบับ รวม 50,000 ฉบับ เพื่อมอบให้แก่ผู้เขียนคำถวายพระพรวันละ 1 รูปแบบ โดยจะแจกโปสการ์ดวันละ 3 รอบ คือ เวลา 18.00 น./ 19.30 น./ และ 21.00 น. รอบละ 3,000 ฉบับ และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป กรุงเทพมหานครได้เปิดรอบพิเศษสำหรับผู้สูงอายุทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม ในเวลา 17.00น. วันละ 1,000 ฉบับ โดยผู้สูงอายุจะต้องนำบัตรประชาชนมายื่นด้วย
สำหรับขั้นตอนการรับโปสการ์ดประชาชนที่มาถึงบริเวณทางเข้างานให้รับบัตรถวายพระพร ซึ่งจัดทำเป็นรูปดอกไม้เงิน ดอกไม้ทอง จากนั้นเขียนคำถวายพระพรแล้วฉีกด้านที่เขียนคำถวายพระพรไปหย่อนที่ลูกโลกบอลลูน และนำส่วนที่เหลือไปประทับตรา ณ บริเวณ โซนที่ 9 “จุดรวมใจถวายพระพร” เพื่อแลกรับโปสการ์ด 1 ชุด
ในโอกาสอันเป็นมหามงคลนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร และประชาชนที่เข้าร่วมพิธี กล่าวถวายราชสุดดีเฉลิมพระเกียรติ กล่าวถวายพระพรชัยมงคลหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงสดุดีมหาราชา และร่วมลงนามถวายพระพรลงในดอกไม้เงินดอกไม้ทอง ก่อนจะนำไปหย่อนลงในลูกโลกบริเวณจุดรวมใจถวายพระพร จากนั้นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครร่วมชมนิทรรศการ และการแสดงแสง เสียง และสื่อผสมชุด พระบารมีจรัสหล้า เป็นการปิดท้าย ทั้งนี้กิจกรรมต่าง ๆ ดังกล่าว กทม.จะเปิดให้ประชาชนชมต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 7 ธ.ค. นี้