กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2552 เวลา 11.30 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทน พระองค์ ไปยังหอประชุมมหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ในการพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำปี 2550 ถึง 2551 ซึ่งในวันนี้มีผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ทั้งสิ้น 5,344 คน
นอกจากนี้สภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาได้ประทานทูลทวายปริญญสาธารณสุขศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการพัฒนาสุขภาพชุมชน พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทั้งนี้ด้วยทรงตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัวที่มีหน้าที่ให้ความอบอุ่น เริ่มตั้งแต่ตั้งครรภ์จนคลอดการอบรมเลี้ยงดูเด็กอย่างถูกวิธีภายใต้สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมพัฒนาการเด็กอย่างเหมาะสมทุกด้านรวมทั้งทรงให้ความสำคัญกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และยังทรงนำองค์ความรู้ทางด้านคหกรรมศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วย ซึ่งพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเข้ารับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ดังกล่าวในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2552 และสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ยังได้มอบปริญญาให้กับบัณฑิตกิตติมศักดิ์ผู้ซึ่งบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป 2 ท่าน อันได้แก่ ปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ นายทศพล ตันติวงษ์ และปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบันฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมศาสตร์ เพื่อการพัฒนา นายกรีพงศ์ เทียมเศวต (สรพงศ์ ชาตรี)
ในการนี้สมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎ ราชกุมาร ได้พระราชทานพระราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษา จาก มหาวิทยาลัยราชภัฏ ประจำปี 2550 ถึง 2551 ความว่า ทุกวันนี้ ความคิดที่ว่าการศึกษาให้จบตาม หลักสูตรแล้วออกไปประกอบอาชีพ ตามแนวทางที่เรียนมานั้น ถือว่า เป็นความคิดที่คับแคบ เพราะผู้ ที่มีความรู้ความคิดดังนั้น ยากที่จะ สร้างตัว สร้างฐานะได้ในสถานการณ์
ปัจจุบัน แท้จริงแล้วผู้มีความรู้ ความสามารถถึงขั้นปริญญาควรฝึกฝนตนเองให้สามารถทำงาน ได้หลายๆ อย่าง หลาย ๆ รูปแบบ ไม่ควรจำกัดตัวเองให้แคบอยู่เฉพาะใน วิชาที่ศึกษาสำเร็จมา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นงานอะไร เมื่อมีโอกาสก็ขอให้ ยินดีและเต็มใจทำ เพราะงานที่สุจริตทุกอย่างล้วนมีค่าและมีเกียรติ และบุคคลที่มีความรู้ความสามารถจริง ๆ นั้น ไม่ว่าจะจับงานใดย่อม ทำได้ และหาทางก้าวหน้าได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่ มีความขยัน มีความสังเกตจดจำที่ดี ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบความสำเร็จในงานที่ทำ สูงขึ้น หรือเจริญขึ้นเกินกว่าที่คาดหวังไว้ก็ได้ ดังที่ปรากฏว่าผู้ที่จบ การศึกษาอย่างหนึ่ง แต่ทำงานอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ตรงกับวุฒิหรือต่ำกว่า วิทยฐานะ ต่างก็ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานอย่างยอดเยี่ยม มาแล้วมากมายทั้งในภาครัฐและเอกชน หรือในงานอิสระ จึงขอให้ บัณฑิตได้มั่นใจว่า ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดเมื่อมีความรู้ ความสามารถแท้จริงอยู่กับตัวไม่ต้องกลัวอับจน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 044-254000 nrrupr@gmail.com