อเบอร์ดีนกล่าวถึงผลกระทบจากการระงับโครงการในมาบตาพุด

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 9, 2009 13:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ธ.ค.--บลจ.อเบอร์ดีน คุณอดิเทพ วรรณพฤกษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน จำกัด ได้กล่าวถึงผลกระทบจากการระงับโครงการ 65 โครงการในพื้นที่มาบตาพุดและพื้นที่ใกล้เคียงไว้เป็นการชั่วคราวว่า “ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง โดยให้ระงับกิจกรรมในโครงการ 65 แห่งจากเดิม 76 แห่งที่ถูกสั่งระงับกิจกรรมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด คำสั่งดังกล่าวมิได้เป็นสิ่งที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ และทำให้การก่อสร้างโครงการต่อจากนี้ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งในเรื่องนี้เป็นอย่างอื่น ซึ่งขั้นตอนในการแก้ไขโครงการให้ครบถ้วนตามกฎหมายอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 6 ถึง 12 เดือน เป็นที่แน่นอนว่ากรณีนี้ได้ส่งผลกระทบในทางลบต่อบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเฉพาะ กลุ่มบริษัทในเครือ ปตท. และ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย เนื่องจากโครงการของทั้งสองกลุ่มไม่ได้อยู่ใน 11 โครงการที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจกรรมต่อไปได้ การลงทุนในกลุ่ม ปตท. ของอเบอร์ดีนมีเพียง บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม เท่านั้น ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำ และมีโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดไม่มาก ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่าคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดจะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อรายได้ของ บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ในส่วนของ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย คำสั่งของศาลปกครองสูงสุดมีผลกระทบต่อการลงทุนในศูนย์ปิโตรเคมีแห่งใหม่ของบริษัท แต่โครงการเดิมของบริษัทที่มีอยู่ ซึ่งเป็นการผลิตปิโตรเคมีและวัสดุอื่นๆ เช่น ซิเมนต์ กระดาษ วัสดุก่อสร้าง ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด มูลค่าของศูนย์การผลิตปิโตรเคมีครบวงจรแห่งใหม่นี้ ทั้งหมดอยู่ที่ 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และหลังเสร็จสิ้นการก่อสร้างแล้วจะทำให้กำลังการผลิตในการแยกก๊าซเพิ่มขึ้น 58% และผลผลิตปลายน้ำจะเพิ่มขึ้น 50% โครงการดังกล่าวใกล้จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และพร้อมจะทดลองเดินเครื่อง ก่อนการผลิตเต็มตัวจะเริ่มขึ้นในไตรมาสสองของปี 2553 ดังนั้นเมื่อโครงการใหม่จะต้องล่าช้าออกไป ก็จะไม่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากส่วนนี้ในปี 2553 ซึ่งปัจจัยนี้เป็นอุปสรรคระยะสั้นสำหรับ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย ที่ทำให้ปัจจัยหนุนการเติบโตของรายได้ในปี 2553 ต้องสูญเสียไป อย่างไรก็ตาม อเบอร์ดีนยังคงเชื่อมั่นว่าคณะผู้บริหารของบริษัทจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ และในที่สุดรัฐบาลก็จะออกมาตรการต่างๆตามขั้นตอนและกฎหมายที่จำเป็นต่อไป เป็นที่น่าสังเกตว่า บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย มีประวัติในด้านการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดี และได้จัดให้มีการดำเนินโครงการตามระเบียบข้อบังคับ รวมถึงได้รับใบอนุญาตผ่านเกณฑ์การประเมินผลกระทบทางสุขภาพด้วย สำหรับอเบอร์ดีน เรายังคงให้ความสำคัญกับศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย เนื่องจากพื้นฐานของบริษัทได้เอื้อประโยชน์ให้แก่ตัวบริษัท ซึ่งเป็นผลจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร แนวทางการทำธุรกิจอย่างอนุรักษ์นิยม และประวัติการดำเนินงานที่ดีในธุรกิจหลักของบริษัท อเบอร์ดีนใช้แนวทางการวิเคราะห์กิจการในเชิงอนุรักษ์ เราจึงไม่ได้นำปัจจัยโครงการที่มาบตาพุดมาใช้ในการประมาณการผลประกอบการที่ทำขึ้นภายในของเรา แต่มูลค่าหุ้นของบริษัทในระดับปัจจุบันก็ยังคงสมเหตุสมผล และ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย ก็จะยังคงเป็นหุ้นหลักที่เราเลือกลงทุน นอกจาก บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม และ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย แล้ว อเบอร์ดีนยังได้ลงทุนในหุ้นของ บมจ. จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก ซึ่งมีแหล่งรายรับใหญ่มาจากการขายน้ำดิบให้แก่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ผลกระทบจากคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดต่อการประกอบกิจการในปัจจุบันของบริษัทมีเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามในอนาคต บริษัทมีทีท่าว่าจะประสบปัญหาการเลื่อนการขายน้ำให้แก่โครงการปิโตรเคมีในพื้นที่ที่ถูกสั่งระงับกิจกรรม ทั้งหมดนี้ กองทุนตราสารทุนของอเบอร์ดีนยังคงมีการกระจายความเสี่ยงอย่างดี และเราไม่คาดว่าจะมีผลกระทบที่สำคัญจากคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดในกรณีมาบตาพุดอีก ในช่วงขึ้นปีใหม่ 2553 บริษัทต่างๆที่เราถือหุ้นต่างรายงานงบดุลและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งมาก และเราคาดการณ์ว่าบริษัทเหล่านี้จะยังคงมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ดีต่อไป ความเสี่ยงใหญ่น่าจะมาจากปัจจัยมหภาคมากกว่า เช่น เสถียรภาพของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการเมืองของไทย ขณะที่ในระดับองค์กร เรายังต้องเฝ้าติดตามตัวเลขรายได้ขององค์กรอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในช่วงปี 2553 นี้ ตลาดมีความคาดหวังจากผลการดำเนินงานของบริษัทเหล่านี้ค่อนข้างสูง” คุณชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากที่คุณอดิเทพได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าว จะเห็นได้ว่าไม่มีผลกระทบที่เป็นนัยสำคัญต่อกองทุนตราสารทุนภายใต้การบริหารของอเบอร์ดีน ดังนั้นนักลงทุนที่มีความประสงค์จะลงทุนในกองทุนตราสารทุนของอเบอร์ดีน โดยเฉพาะกองทุนที่สามารถนำไปใช้สิทธิในการหักลดหย่อนภาษี เช่น กองทุนเปิด อเบอร์ดีน หุ้นระยะยาว (ABLTF) กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ท แคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSC-RMF) และกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ท อินคัม เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSI-RMF) นักลงทุนสามารถทยอยลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ประเภทดังกล่าวได้ แต่หากนักลงทุนท่านใดยังคงไม่มั่นใจในตลาดไทย และไม่ได้ต้องการลงทุนในกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ท่านสามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศของอเบอร์ดีน เช่น กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล อีเมอร์จิ้ง โกรท ฟันด์ (ABGEM) หรือ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ (ABAPAC) ที่มีการกระจายการลงทุนไปยังหลายๆ ประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ยกเว้น ประเทศญี่ปุ่น” สอบถามเพิ่มเติมได้ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร.0-2352-3333 กัลยาวดี ทัดเทียมเพชร โทร. 0-2352-3382 Head of Client Services จิรชยา ลาภถาวรเกียรติ โทร. 0-2352-3387 Assistant Manager คำเตือน : ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและคู่มือภาษีก่อนการตัดสินใจลงทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ