กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ด
วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือน ธันวาคม 2552 ที่กำลังวางแผงในขณะนี้ ได้ประกาศผลการตัดสิน รางวัลเกียรติยศ “นักการเงินแห่งปี” ประจำปี 2552 (Financier of the Year 2009) ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่ผู้บริหารในตลาดเงิน ตลาดทุนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและมีผลงานโดดเด่น ปรากฏว่าในปีนี้ ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และ นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้ครองตำแหน่ง “นักการเงินแห่งปี 2552” ร่วมกัน
วารสารการเงินธนาคาร ได้มีการมอบรางวัล นักการแห่งปี มาตั้งแต่ปี 2525 ต่อเนื่องติดต่อกันมาถึง 27 ปี เพื่อยกย่องนักการเงินที่มีความโดดเด่นในแวดวงการเงินธนาคาร ด้วยการกลั่นกรองและพิจารณาอย่างเข้มข้นของคณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ จากการติดตามผลงานและการพัฒนาที่เกิดขึ้นในวงการธนาคารและการเงิน โดยยึดหลักเกณฑ์การพิจารณานักการเงินแห่งปี ใน 4 ด้านที่วารสารการเงินธนาคาร กำหนดเป็นหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกนักการเงินแห่งปี
ในปี 2552 มีผู้บริหารระดับสูง 2 ท่านของสองธนาคาร ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการคัดเลือก คือ ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และ นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งทั้ง ดร.วิชิตและบัณฑูร ได้คะแนนตามเกณฑ์แต่ละข้อใกล้เคียงกัน ส่งผลให้คะแนนโดยรวมของทั้งสองออกมาเท่ากัน แสดงให้เห็นว่า ดร.วิชิตและบัณฑูร คือ ศูนย์กลางแห่งความสำเร็จขององค์กร คณะกรรมการจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ มอบรางวัลนักการเงินแห่งปี 2552 ให้ครองร่วมกัน ด้วยคุณสมบัติที่ครบถ้วนตามเกณฑ์การพิจารณาของคณะกรรมการทั้ง 4 ด้าน ดังนี้
1.เป็นนักการเงินที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทันสมัย
ดร.วิชิตและบัณฑูร ได้ประกาศชัดเจนถึงวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ของธนาคาร รวมทั้งยังได้เดินยุทธศาสตร์ตามโครงสร้างธุรกิจอย่างแน่วแน่ในลูกค้าทั้ง 3 กลุ่มคือ กลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ (Corporate) กลุ่มลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และกลุ่มลูกค้ารายย่อย (Retail) ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมา ธนาคารทั้งสองแห่งมุ่งขยายฐานลูกค้าในกลุ่มที่แตกต่างกัน โดย ธนาคารไทยพาณิชย์ มุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้ารายย่อย ขณะที่ ธนาคารกสิกรไทย มุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งทั้งสองธนาคารต่างก็ประสบความสำเร็จและเป็นยอมรับในลูกค้าทั้งสองกลุ่ม อีกทั้งส่งเสริมและผลักดันให้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการในรูปของกลุ่ม ทั้งเครือไทยพาณิชย์ และเครือกสิกรไทย ชัดเจนและต่อเนื่อง ไม่หยุดนิ่งแม้ภาวะเศรษฐกิจปี 2552 ชะลอตัว
2. เป็นนักการเงินมืออาชีพ ที่มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ
ดร.วิชิตและบัณฑูรได้แสดงถึงภาวะผู้นำเด่นชัดในการนำพาองค์กรในปี 2552 ให้รอดพ้นจากความปั่นป่วนของเศรษฐกิจการเงินโลก อันเป็นผลจากการล่มสลายภาคการเงินของสหรัฐอเมริกาที่เกิดขึ้นในปลายปี 2551 ด้วยการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับภาวการณ์ สะท้อนถึงความเป็นนักการเงินมืออาชีพอย่างแท้จริง รวมทั้งยังประเมินแนวโน้มของภาคธุรกิจธนาคารในระยะต่อไปได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
3. เป็นนักการเงินที่สร้างความเจริญเติบโตให้กับองค์กร
ผลการดำเนินงานในรอบปี 2551 ของทั้ง ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกสิกรไทยยังมีผลกำไรแม้เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวตั้งแต่ปลายปี 2551 และในรอบ 9 เดือนปี 2552 ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกสิกรไทยยังคงรายงานการดำเนินงานที่ดีใกล้เคียงกัน โดย ส่งผลให้สินทรัพย์รวมเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารไทยพาณิชย์ มีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 จำนวน 1.299 ล้านล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย มีสินทรัพย์รวม 1.242 ล้านล้านบาท
4.เป็นนักการเงินที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม
ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทยได้ยอมรับจากสังคมว่ามีกิจกรรมด้านสังคม สนับสนุนการทำประโยชน์ต่อสังคมอย่างยาวนานและต่อเนื่อง ซึ่งแนวคิดและกิจกรรมต่างๆ เกิดจากการผลักดันของ ดร.วิชิตและบัณฑูร โดยแนวทางหลักจะมุ่งไปที่ การศึกษา เด็กและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมของธนาคาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การทำประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมของธนาคารมีความต่อเนื่อง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 026914126 พุธทยา แสงหิรัญ บริษัท มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ด จำกัด