เทเลคอม มาเลเซีย เติบโตขึ้น 38 เปอร์เซ็นต์ จากการลงทุนในตลาดเอเชียตลอดช่วง 5 ปี พร้อมเผยจะเดินหน้าทำให้แบรนด์บริษัทในประเทศต่างๆ แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ข่าวทั่วไป Thursday August 24, 2006 15:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--เวเบอร์ แชนด์วิค ประเทศไทย
เทเลคอม มาเลเซีย เบอร์ฮัด หรือ ทีเอ็ม (TM) ผู้นำตลาดการสื่อสารของเอเชีย ที่มีการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชียถึง 9 ประเทศรวมถึงประเทศไทย เผยอัตราการเติบโต (CAGR) สูงถึง 38 เปอร์เซ็นต์ จากการลงทุนในเอเชียตลอด 5 ปีที่ผ่านมา คือ ระหว่าง พ.ศ. 2544 - 2548 โดยการเติบโตที่น่าพอใจนี้ เนื่องมาจากการดำเนินธุรกิจในประเทศบังคลาเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 60.4 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือ การดำเนินงานในประเทศศรีลังกาที่เติบโต 41.2 เปอร์เซ็นต์
สำหรับการให้บริการด้านโทรศัพท์เคลื่อนที่ การลงทุนของทีเอ็ม มีโอกาสการเติบโตสูงอย่างเห็นได้ชัด จากการสำรวจใน ปี 2544 มียอดของผู้ใช้บริการถึง 500,000 เลขหมาย ปัจจุบันทีเอ็ม มีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มากกว่า 15 ล้านเลขหมายใน 9 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเชีย สิงค์โปร์ ไทย กัมพูชา ศรีลังกา ปากีสถาน บังคลาเทศ อินเดีย และ อิหร่าน ซึ่งจากจำนวนลูกค้าในภูมิภาครวมกับการดำเนินธุรกิจในประเทศมาเลเซียจึงส่งผลให้ทีเอ็มมีฐานลูกค้าโทรศัพท์มือถือรวมทั้งสิ้นประมาณ 24 ล้านรายในปัจจุบัน
สำนักงานใหญ่ของทีเอ็มตั้งอยู่ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ให้เหตุผลของการเติบโตอันเป็นก้าวย่างที่สำคัญของทีเอ็มนี้ว่า เกิดจากความต้องการด้านการสื่อสารที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหลายประเทศในภูมิภาคนี้ อันทำให้เกิดการเริ่มต้นของการเปิดเสรีด้านโทรคมนาคม การบันทึกการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่เพิ่มขึ้น (จีดีพี) และการพอใจต่ออำนาจการใช้จ่ายที่มากขึ้นของประชากร ซึ่งทีเอ็มเผยต่ออีกว่า นอกจากนั้น การเติบโตครั้งนี้ยังมาจากการดำเนินการตลาดที่เข้มข้น รวมทั้งการคิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ดำเนินการโดยบริษัทลูกในตลาดสำคัญ เช่น อินโดนีเซีย บังคลาเทศ ศรีลังกา และกัมพูชา อีกด้วย
สำหรับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยนั้น ทีเอ็มถือหุ้นคิดเป็น 24.42 เปอร์เซ็นต์ในบริษัท สามารถ ไอโมบาย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการข้อมูลไร้สายสำเร็จรูปและเป็นผู้ให้บริการด้านเนื้อหาผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศ นอกจากนั้น ทีเอ็มยังถือหุ้นในบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) จำนวน 19.23 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งให้บริการที่ช่วยเพิ่มมูลค่าแก่บริการด้านเทเลคอมมูนิเคชั่นส์ของบริษัทอย่างครบวรจร
ทีเอ็มมีบริษัทลูกในเอเชียจำนวนหนึ่ง จากการที่บริษัทถือหุ้นอยู่ในบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเช่น บริษัท ไดอาล็อก เทเลคอม จำกัด ในประเทศศรีลังกา ที่ทีเอ็มถือหุ้น 87.8 เปอร์เซ็นต์, ทีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล บังคลาเทศ ซึ่งมีหุ้นอยู่ 70 เปอร์เซ็นต์ และบริษัทเฮลโลในประเทศกัมพูชาที่ทีเอ็มถือหุ้นเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ในปีนี้ทีเอ็มยังซื้อหุ้นของสไปซ์ คอมมูนิเคชั่น ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศอินเดียได้สำเร็จคิดเป็น 49 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนหุ้นทั้งหมดอีกด้วย
มร. ยูซอฟ อันนัว ยาคอป ประธานกรรมการบริหารฝ่ายการลงทุนในต่างประเทศของทีเอ็มซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของทีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล (ทีเอ็มไอ: TMI) กล่าวว่า บริษัทรู้สึกพอใจอย่างยิ่งกับความก้าวหน้าของการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ โดยทีเอ็มที่ดำเนินธุรกิจผ่านบริษัทลูกในประเทศต่างๆ ได้ครองตำแหน่งผู้นำตลาดในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โดยบริษัทลูกในประเทศศรีลังกา คือ ไดอาล็อก เทเลคอม ได้เปลี่ยนตำแหน่งขึ้นสู่อันดับ 1 ในตลาดศรีลังกา ในขณะที่บริษัทลูกในประเทศบังคลาเทศ คือ ทีเอ็มไอบี อยู่อันดับที่ 2 ของตลาดสื่อสารโทรคมนาคมในประเทศ ส่วนการดำเนินธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียและกัมพูชาอยู่ในอันดับที่ 3 ของตลาด
“แสดงให้เห็นว่าเราได้รับความไว้วางใจในการดำเนินธุรกิจในตลาดประเทศเพื่อนบ้านของมาเลเซีย ที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งกลยุทธ์ของเราในการสร้างแบรนด์ด้านการสื่อสารในเอเชียให้แข็งแกร่ง และครอบคลุมทุกภูมิภาคของทวีปกำลังประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้ เราเชื่อว่าเราอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีคุณภาพเพื่อสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเอเชีย” มร. ยูซอฟ กล่าวกับสื่อมวลชนท้องถิ่นในงาน ASEAN 100 Leadership Forum 2006 ณ กรุงจาการ์ต้า
มร.ยูซอฟ กล่าวต่อว่า “ทีเอ็มเป็นผู้นำและเป็นที่รู้จักในด้านธุรกิจการสื่อสารของเอเชียและมีองค์ประกอบในการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสมสำหรับการประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจระดับนานาชาติ ด้วยตำแหน่งผู้นำธุรกิจภายใน ประเทศที่แข็งแกร่ง และการดำเนินธุรกิจด้วยการอิงกลยุทธ์ในภูมิภาค ซึ่งทีเอ็มคาดหวังที่จะเป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้บริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมชั้นนำที่มีผลกำไรมากที่สุดภายใน พ.ศ. 2558”
ด้วยจำนวนประชากรเกือบ 2 พันล้านคนในประเทศแถบเอเชีย 9 ประเทศที่ทีเอ็มเข้าไปดำเนินธุรกิจ ทำให้บริษัทมีความมั่นใจที่จะรุกในตลาดปัจจุบันและตลาดที่จะลงทุนในอนาคต นอกจากนั้น บริษัทยังได้ลงทุนมากกว่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯในธุรกิจด้านสื่อสารโทรคมนาคมในเอเชียด้วยการช่วยเหลือด้านเงินลงทุนของทีเอ็มไอ และบริษัทกำลังตั้งเป้าที่จะดำเนินการโดยเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันสำหรับใช้ในแต่ละประเทศ ตลอดจนยกระดับการลงทุนและเพิ่มผลกำไร
มร. ยูซอฟ ยืนยันอีกครั้งว่า “แม้การคำนึงถึงผลประโยชน์จะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ทีเอ็มก็ได้วางพันธกิจในระยะยาวสำหรับตลาดทุกประเทศที่บริษัทได้ดำเนินกิจการโดยการให้คำมั่นว่าทีเอ็มจะเดินหน้าลงทุนในตลาดด้วยการใช้เงินทุน การส่งมอบเทคโนโลยี และการพัฒนาโครงสร้างด้านการสื่อสารโทรคมนาคมโดยคำนึงถึงความเหมาะสมของแต่ละชุมชน
“บริษัทเข้าใจว่าความสัมพันธ์ระยะยาวสามารถสร้างขึ้นได้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับชุมชนท้องถิ่นอย่างจริงใจ ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจในเอเชียของทีเอ็ม เนื่องจากทีเอ็มตระหนักดีถึงความสำคัญของชุมชนและเครื่องมือด้านสื่อสารโทรคมนาคมว่าสามารถจะทำให้คนและประเทศใกล้ชิดกันขึ้นได้อย่างไร” มร. ยูซอฟ เสริม
ด้วยการดำเนินธุรกิจในเอเชียที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปีทำให้ทีเอ็มมีความเชี่ยวชาญพิเศษในการทำงานอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการผู้ควบคุมกฎหมายเกี่ยวกับโทรคมนาคมสื่อสาร (regulator) ในประเทศต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ทีเอ็มคิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการที่ทำให้วาระแห่งชาติของประเทศในด้านการพัฒนาสมบูรณ์
เกี่ยวกับเทเลคอม มาเลเซีย เบอร์ฮัท (ทีเอ็ม: TM)
ทีเอ็มซึ่งเป็นผู้นำในตลาดการสื่อสารโทรคมนาคมในทวีปเอเชีย ได้นำเสนอบริการด้านการสื่อสารและโซลูชั่นต่างๆเกี่ยวกับโทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์มือถือ ข้อมูลและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์อย่างครอบคลุม ทั้งนี้ ในฐานะหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซียด้วยมูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 8,380 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งให้มูลค่าหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นในปริมาณสูงเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดในประเทศ
กลุ่มทีเอ็มให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการบริการแก่ลูกค้ารวมทั้งนวัตกรรมเสมอมา ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ลงทุนและให้บริการใน 13 ประเทศ ในเอเชียและทั่วโลก โดยทีเอ็มมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศมาเลเซียและตลาดต่างประเทศ
ทีเอ็มได้เข้ามาลงทุนในตลาดสำคัญ 9 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเชีย สิงคโปร์ กัมพูชา ไทย บังคลาเทศ ปากีสถาน อินเดีย ศรีลังกา และ อิหร่าน ซึ่งทีเอ็มได้เพิ่มค่าให้กับการลงทุนอย่างสมบูรณ์และไม่มีข้อบกพร่อง อีกทั้งยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับกับบริษัทลูกเพื่อบรรลุถึงตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งและความสามารถด้านการทำกำไร
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทีเอ็ม กรุณาเยี่ยมชมได้ทางเว็บไซต์ www.tm.com.my
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
กมลวรรณ ทันศรี/ รุ่งนภา ชาญวิเศษ
เวเบอร์ แชนด์วิค ประเทศไทย
โทร: 0 2287 1000 ต่อ 304, 279
โทรสาร: 0 2287 3436
อีเมลล์: Kamonwan@webershandwick.com ,
Rungnapa@webershandwick.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ