กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--อมตะ คอร์ปอเรชัน
“อมตะ” โชว์ผลประกอบการปี 2548 โกยรายได้กว่า 4.4 พันล้านบาท ตั้งเป้าปี 2549 ขายพื้นที่เพิ่ม 2,000 ไร่ หวังการเจรจา FTA ไทย — ญี่ปุ่น เปิดทางกลุ่มทุนย้ายฐานการผลิตเข้าไทยเพิ่ม
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ รองประธานอาวุโส บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (Viboon Kromadit, Senior Vice President of Amata Corporation PCL) เปิดเผยผลประกอบการของบริษัทปี 2548 ว่า บริษัทมีรายได้รวมจากการดำเนินธุรกิจคิดเป็นมูลค่ากว่า 4,438 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 47 % เมื่อเทียบกับปี 2547 ที่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 3,010 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,079 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 % เมื่อเทียบกับปี 2547 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 927 ล้านบาท ซึ่งจากตัวเลขผลประกอบการและกำไรสุทธิของปี 2548 ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการยืนยันความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาพื้นที่ลงทุน สร้างเมืองอุตสาหกรรมที่ครบวงจร
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2549 บริษัทได้ตั้งเป้าในการขายพื้นที่การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และอมตะซิตี้ เป็นจำนวน 2,000 ไร่ คาดว่าจะสร้างรายได้มูลค่าถึง 5,500ล้านบาท ในขณะที่จำนวนยอดขายพื้นที่ปี 2548 สามารถขายพื้นที่ได้ถึง 1,479.27 ไร่ แบ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร 826.23 ไร่ และอมตะซิตี้ 653.04 ไร่ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 47 % เมื่อเทียบกับยอดการขายพื้นที่ในปี 2547 ที่ขายพื้นที่ได้ประมาณ 1,007.48 ไร่ แบ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร 610.69 ไร่ และอมตะซิตี้ 396.52 ไร่
“ทิศทางการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครและอมตะซิตี้ในช่วงปี 2549 มั่นใจว่ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าปีทีผ่านมาแน่นอน โดยเฉพาะภายหลังจากที่ไทยได้มีการเจรจา FTA ไทย - ญี่ปุ่น เสร็จสิ้นสุดลง และจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันในเร็วๆนี้ ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนนักลงทุนญี่ปุ่นตัดสินใจย้ายฐานการผลิตเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทยังได้เร่งดำเนินการพัฒนาระบบสาธารณูปโภครองรับการเติบโตภาคอุต สาหกรรม แบ่งเป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.การสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ 2.การพัฒนาระบบชลประทาน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างขุดบ่อเก็บกักน้ำ 2 แห่ง จำนวนรวม 35 ล้านคิว บนพื้นที่ 1,300 ไร่ 3.จัดสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเชิงพาณิชย์ (Commercial Area) 4.โรงงานกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งขณะนี้กำลังแสวงหาพันธมิตรเพิ่ม
โดยในส่วนของการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในปีนี้ รัฐบาลได้มีการวางแผนการจัดระบบน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมั่นใจว่าจะปริมาณน้ำที่ป้อนภาคอุตสาหกรรมได้อย่างเพียงพอ ซึ่งในส่วนของอมตะเองก็ได้เตรียมแหล่งน้ำสำรองสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินไว้พร้อมแล้ว และมีปริมาณน้ำเพียงพอใช้ในนิคมอย่างแน่นอน” นายวิบูลย์กล่าว
นายวิบูลย์กล่าวเสริมว่า ผลประกอบการของบริษัทที่ขยายตัวอย่างเห็นได้ชัดในปี 2548 ปัจจัยสำคัญมาจากนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการลงทุน โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้ดำเนินการด้านการอนุมัติให้การส่งเสริมกับนักลงทุนได้รวดเร็วขึ้นจากเดิมมาก โดยจะเห็นได้จากตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2548 ที่ผ่านมา มีจำนวนสูงถึง 1,358 ราย ได้รับการอนุมัติแล้วจำนวนทั้งสิ้น 1,254 ราย ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ สัดส่วนของนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในปีที่ผ่านมาเป็นนักลงทุนชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่มีสัดส่วนสูงถึง 37 % และรองลงมาเป็นนักลงทุนชาวไทย 25 % ซึ่งส่วนใหญ่เข้ามาประกอบกิจการอุตสาหกรรมประเภท สินค้าอุปโภคบริโภค ชิ้นส่วนยานยนต์ ปิโตรเคมี เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
มุก โทร.038-213-007, 01-734-3651--จบ--