กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--ก.ไอซีที
นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ว่า การประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นประมาณเดือนละ 1 ครั้ง โดยมีกระทรวงต่างๆ หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ซึ่งการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงในครั้งนี้มีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ส่วนสาระสำคัญของการประชุมที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงฯ นั้นจะมีเรื่องของการจัดทำข้อมูลสารสนเทศเพื่อใช้ประกอบการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล เช่น นโยบายผู้สูงอายุ นโยบายเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ เป็นต้น โดยให้มีการจัดทำข้อมูลสำมะโนประชากร ปี 2553 เพื่อนำข้อมูลต่างๆ มาใช้สนับสนุนการวางแผนและดำเนินงานตามนโยบายต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3จี ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขสัญญาสัมปทานที่ผูกพันอยู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และช่วยลดความสับสนเกี่ยวกับกติกาต่างๆ ในสัญญาแก่ผู้ให้บริการ โดยนายกรัฐมนตรีต้องการให้ปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องคลี่คลายและสามารถให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3จี ได้ภายใน 1-2 ปี ส่วนปัญหาของบมจ.ทีโอที และบมจ.กสท โทรคมนาคม เกี่ยวกับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี ในเรื่องการแปรสัญญาสัมปทาน รวมทั้งการออกใบอนุญาตของสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาตินั้น นายกรัฐมนตรีขอให้มีข้อสรุปที่ชัดเจนภายใน 6 เดือน รวมทั้งได้ขอให้บมจ.ทีโอที กำหนดบทบาทของหน่วยงานให้ชัดเจนว่าจะเป็นผู้ให้บริการด้านเครือข่ายในลักษณะ Network Provider หรือเป็นผู้ให้บริการในลักษณะ Service Provider พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียังได้ขอให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงฯ ดำเนินการปฏิรูปหน่วยงานครั้งใหญ่ โดยให้มีการพัฒนารูปแบบการให้บริการใหม่ๆ เช่นเดียวกับ บจ.ไปรษณีย์ไทยที่ประสบความสำเร็จในปฏิรูปหน่วยงาน
“นายกรัฐมนตรียังได้ขอให้กระทรวงฯ สนับสนุนการจัดทำซอฟต์แวร์ โอเพ่นซอร์ส เพื่อแก้ปัญหาการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ และให้กระทรวงฯ ดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลไม่เหมาะสมในลักษณะที่กระทบต่อความมั่นคง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
สำหรับในส่วนของกระทรวงไอซีทีได้มีการวางแผนที่จะดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลไม่เหมาะสมทั้งในลักษณะที่กระทบต่อความมั่นคง วัฒนธรรมประเพณี ที่ต้นตอของการเผยแพร่ โดยจะพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้สกัดกั้นการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว โดยติดตั้งไว้ที่ผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือ ISP รายใหญ่ๆ ซึ่งเป็นเกต์เวย์ ที่รับข้อมูลจากต่างประเทศ และกระทรวงฯ จะทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ ISP รายใหญ่เหล่านี้ เพื่อเชื่อมต่อความช่วยเหลือไปยัง ISP รายย่อยอีกประมาณ 100 ราย และให้ครอบคลุมผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ2553 นี้ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณไม่เกิน 100 ล้านบาท” นายสือ กล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 021416747 ทวิติยา