จีน : จุดประกายความหวังขับเคลื่อนภาคส่งออกไทยในปี 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 15, 2009 11:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--EXIM BANK จีน : จุดประกายความหวังขับเคลื่อนภาคส่งออกไทยในปี 2553 โดย นายปฤกษ์ ทิพยโกศัย ฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2551 ส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกของไทยอย่างรุนแรง ทั้งนี้ นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2551 จนถึงไตรมาส 2 ปี 2552 มูลค่าส่งออกของไทยหดตัวในระดับสองหลักอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าส่งออกลดลงเหลือเพียงเดือนละ 10,000-12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตที่การส่งออกของไทยในแต่ละเดือนสูงถึง 15,000-17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การส่งออกของไทยเริ่มมีสัญญาณของการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ โดยในเดือนตุลาคม 2552 การส่งออกมีมูลค่า 14,812 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เริ่มขยับใกล้เคียงกับมูลค่าส่งออกในช่วงก่อนเกิดวิกฤต ทั้งนี้ หากพิจารณารายละเอียดของมูลค่าส่งออกพบว่า การส่งออกของไทยไปจีนกำลังขยายตัวอย่างมาก และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้การส่งออกโดยรวมของไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ จีนเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบมากจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกในรอบนี้ โดยเศรษฐกิจจีนชะลอการขยายตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 6.1% ในไตรมาสแรกปี 2552 ต่ำสุดในรอบ 17 ปี ส่งผลให้การส่งออกของไทยไปจีนในช่วงดังกล่าวหดตัวอย่างรุนแรง โดยในเดือนมกราคม 2552 มูลค่าส่งออกของไทยไปจีนอยู่ที่ราว 830 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวลงกว่า 40% จากช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งไทยเคยส่งออกไปจีนสูงถึง 1,400-1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Stimulus Package) มูลค่า 4 ล้านล้านหยวน รวมถึงมาตรการอัดฉีดสินเชื่อมูลค่ามหาศาลเข้าสู่ระบบ ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 7.9% ในไตรมาส 2 และ 8.9% ในไตรมาส 3 ขณะที่หลายฝ่ายคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะกลับมาขยายตัวทะลุระดับ 10% อีกครั้งในไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 ด้วยอานิสงส์จากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้การส่งออกของไทยไปจีนฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจนสามารถกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2552 เป็นต้นมา ด้วยมูลค่าส่งออกราว 1,400-1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่ไทยส่งออกได้ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ สินค้าส่งออกของไทยไปจีนหลายรายการกลับมาขยายตัวอย่างเห็นได้ชัดและทำลายสถิติมูลค่าส่งออกสูงสุดได้แล้ว อาทิ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยาง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เป็นต้น การส่งออกของไทยไปจีนที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งดังกล่าวส่งผลให้สัดส่วนมูลค่าส่งออกของไทยไปจีนเทียบกับมูลค่าส่งออกโดยรวมเพิ่มขึ้นจาก 9.1% ในปี 2551 เป็น 10.2% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2552 ซึ่งเรียกได้ว่าไล่กวดบรรดาตลาดส่งออกหลักอื่นๆ ของไทยมาติดๆ ทั้งสหรัฐฯ (สัดส่วน 11.0%) และญี่ปุ่น (10.3%) และหากมองไปในระยะข้างหน้า แม้ว่ารัฐบาลจีนอาจต้องแตะเบรกเศรษฐกิจที่ร้อนแรงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ แต่หน่วยงานเศรษฐกิจสำคัญส่วนใหญ่เชื่อว่า เศรษฐกิจจีนจะยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตรงข้ามกับประเทศเศรษฐกิจหลักทั้งหลายซึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงเปราะบาง โดยเฉพาะจากปัญหาการว่างงานและหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังแก้ไม่ตก เมื่อประกอบกับปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดเสรีการค้าอาเซียน-จีน (ASEAN-China FTA : ACFTA) ซึ่งกำหนดให้คู่เจรจาลดภาษีศุลกากรระหว่างกันให้เหลือ 0% สำหรับสินค้าปกติ (Normal List) ภายในวันที่ 1 มกราคม 2553 ก็น่าจะช่วยกระตุ้นการส่งออกไปจีนได้ในระดับหนึ่ง ทำให้เชื่อว่าการส่งออกของไทยไปจีนจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งออกโดยรวมของประเทศให้กลับมาเป็นฮีโร่หนุนนำเศรษฐกิจไทยได้อีกครั้ง พร้อมๆ กับการที่จีนจะเปลี่ยนสถานะจากการเป็นตลาดส่งออกใหม่กลายมาเป็นตลาดส่งออกหลักที่สำคัญของไทยในอีกไม่ช้า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายวิจัยธุรกิจ EXIM BANK โทร. 0 2271 3700, 0 2278 0047, 0 2617 2111 ต่อ 2114

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ