กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--ปตท.
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ตลาดขายปลีกหน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปดีเซลในตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลง ตามแรงกดดันจากปริมาณสำรองทั่วโลกที่อยู่ในภาวะล้นตลาด โดยล่าสุดปริมาณสำรอง Gas Oil บริเวณ Amsterdam Rotterdam Antwerp สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 ธ.ค. 52 อยู่ที่ 21.31 ล้านบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 54% นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำมันดีเซลที่กักเก็บอยู่บนเรืออาจทะลุระดับ 100 ล้านบาร์เรล ภายในสิ้นเดือน ม.ค. 53 ในวันนี้ (16 ธ.ค. 2552) ราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 72.13 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากวันก่อน 0.13 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปดีเซลสิงคโปร์ปรับตัวลดลงมากกว่าน้ำมันดิบดูไบมาอยู่ที่ 77.32 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากวันก่อน 0.31 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปเบนซินสิงคโปร์ ปรับตัวขึ้นสวนทาง อยู่ที่ 78.11 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 0.05 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ ปตท. สามารถประกาศข่าวดี นำลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มดีเซล (น้ำมันไบโอดีเซล B5 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว) ลงให้ผู้บริโภคได้อีกเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ 50 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีก ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (17 ธ.ค.52) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป เป็นดังนี้ หน่วย : บาท/ ลิตร
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 (พีทีที E 85 พลัส) 18.72
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 (พีทีที E 20 พลัส) 28.94
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95) 31.24
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91) 30.44
น้ำมันเบนซิน 91 (พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91) 34.84
น้ำมันไบโอดีเซล (พีทีที B5 พลัส) 25.79
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (พีทีที เดลต้า เอ็กซ์) 27.19
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า ราคาน้ำมันยังคงอ่อนไหวตามข่าวรายวัน โดย National Weather Service คาดการณ์ความต้องการใช้เชื้อเพลิงเพื่อทำความอบอุ่นในสหรัฐฯ ภายในสัปดาห์นี้ปรับตัวลดลงต่ำกว่าค่าปกติ 5.9% นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีแนวโน้มลดการเก็งกำไรเนื่องจากใกล้เทศกาลวันหยุดยาว อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากหลายสถาบันคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2553 ความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจที่คลี่คลายลง ประกอบกับการคงมาตรการดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจทำให้นักลงทุนมีเม็ดเงินหมุนเวียนและเพิ่มการลงทุนใน Risky Assets ให้ติดตามนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการพยากรณ์อากาศว่าอุณหภูมิจะปรับลดลงหรือไม่ เพราะล้วนส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน