กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--กรมธนารักษ์
วันนี้ (16 ธันวาคม 2552) ณ โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค กรุงเทพฯ นายแพทย์พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดการสัมมนานโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารงานของกรมธนารักษ์ ประจำปีงบประมาณ 2553 พร้อมแถลงข่าวผลงานสำคัญของกรมธนารักษ์ตลอดปี 2552 โดยเฉพาะโครงการนำที่ราชพัสดุไปสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งในปี 2552 สามารถดำเนินการได้ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 15,664 ไร่ และโครงการ 1 ล้านไร่มิติใหม่ที่ราชพัสดุ ที่ได้เร่งรัดการดำเนินการ ส่งผลให้มอบสัญญาเช่าให้กับเกษตรกรจำนวน 6,894 ครอบครัว รวมเนื้อที่ 114,376 ไร่ สูงกว่าเป้า 100% และในการนี้ รัฐมนตรีช่วยได้มอบนโยบายสำคัญ 5 เรื่องคือ
1. การนำที่ราชพัสดุไปสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขอให้ดำเนินการให้สูงกว่าเป้าหมายปี 2553 ที่ได้ตั้งไว้ 1,000 ไร่ สำหรับในปี 2552 ที่ผ่านมามีโครงการสำคัญคือโครงการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำลำธารและการศึกษาวิจัยตามแนวทางพรนะราชดำริของมูลนิธิชัยพัฒนา ที่จังหวัดชัยภูมิ
2. โครงการนำที่ดินราชพัสดุสนับสนุนการปลูกพืชอาหารและพืชทดแทนพลังงาน หรือ 1 ล้านไร่มิติใหม่ที่ราชพัสดุ ขอให้ดำเนินการให้สูงกว่าเป้าหมายปี 2553 ที่ตั้งไว้จำนวน 50,000 ไร่
3. การส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม สำหรับปี 2553 ได้ตั้งเป้าสนับสนุนที่ราชพัสดุเพื่อสร้างสวนสาธารณะ ลานกีฬาและห้องสมุด มากกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ
4. การประเมินราคาที่ดิน สำหรับปี 2553 เป็นปีที่ต้องเตรียมการในเรื่องข้อมูลที่ดินและแผนที่ เพื่อรองรับปี 2554 ที่ต้องทำการปรับปรุงราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศจำนวน 30 ล้านแปลง สำหรับประกาศใช้ในรอบปีบัญชี 2555 — 2558 และยังเป็นการรองรับ พรบ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
5. การพัฒนาระบบบริหารจัดการเหรียญกษาปณ์ ขอให้เร่งดำเนินการจัดสร้างศูนย์จ่ายแลกเหรียญประจำภูมิภาค เพื่อถ่ายโอนภารกิจการรับ-จ่ายเหรียญจากสำนักงานคลังจังหวัด ให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการในปี 2554 นอกจากนี้ได้มอบนโยบายให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตเหรียญกษาปณ์ที่มีราคาสูงกว่า 10 บาท เช่น ชนิดราคา 20 บาท และ 50 บาท
นายแพทย์พฤฒิชัย กล่าวอีกว่าขอให้เร่งรัดโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการจัดสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ขณะนี้ได้รับการอนุมัติงบประมาณจากโครงการไทยเข้มแข็ง จำนวน 2,600 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม และเร่งศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดินแห่งใหม่
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวในตอนท้ายว่าขอให้ผู้บริหารกรมธนารักษ์ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ร่วมมือกันขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ให้กรมธนารักษ์เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารทรัพย์สินภาครัฐ ที่ได้รับการยอมรับ และมีส่วนสำคัญในการเร่งรัดเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและจำเป็นของภาครัฐ