“เด่นชัยทรัพย์เกษตร” ผู้นำเทคโนโลยี “คัดเกรด-เป่าเย็น” เพิ่มค่าข้าวโพด

ข่าวทั่วไป Thursday December 17, 2009 10:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--สวทช. ข้าวโพด พืชเศรษฐกิจสำคัญของไทยที่ใช้ทั้งบริโภคและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ซึ่งมีการนำเมล็ดข้าวโพดมาใช้ประโยชน์เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์หลายประเภท ความสำคัญนี้ทำให้เกษตรกรไทยจำเป็นต้องคำนึงถึงกระบวนการผลิตเพื่อให้ผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมีคุณภาพ อันจะนำมาสู่การเพิ่มเกรดและราคาในที่สุด เด่นชัยทรัพย์เกษตร บริษัทดำเนินธุรกิจรับซื้อ พืชไร่ ได้แก่ เมล็ดข้าวโพด เมล็ดถั่วเหลือง ฯลฯ โดยนำมาอบลดความชื้น ทำความสะอาด และคัดขนาด เพื่อจำหน่ายไปยังโรงงานผลิตอาหารเลี้ยงสัตว์หรือลูกค้าที่มีความต้องการใช้วัตถุดิบดังกล่าว เริ่มต้นดำเนินธุรกิจมามากกว่า 30 ปี ภายใต้การดำเนินงานของ “ชุนเฮงหลี” ก่อนที่จะมาจดทะเบียนภายใต้ชื่อ “บริษัท เด่นชัยทรัพย์เกษตร จำกัด” เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2547 นายวันปีติ รังษี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด่นชัยทรัพย์เกษตร จำกัด เปิดเผยว่า อดีตบริษัทฯประสบปัญหาในกระบวนการผลิต คือ หลังจากผ่านกระบวนการคัดและทำความสะอาดเมล็ดข้าวโพดแล้วพบว่า ยังมีสิ่งเจือปน เช่น ซังและกากปนอยู่กับเมล็ดข้าวโพดเป็นจำนวนมาก ทำให้คุณภาพของเมล็ดข้าวโพดที่ได้ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานอาหารสัตว์ที่กำหนดไว้ ส่งผลทำให้ราคาขายต่ำลง สำหรับกระบวนการผลิตเมล็ดข้าวโพดนั้น เริ่มต้นจากการรับซื้อเมล็ดข้าวโพดจากเกษตรกรและทำการตรวจสอบคุณภาพวัดความชื้น ชั่งน้ำหนักและนำเข้าเครื่องทำความสะอาดก่อนอบ ซึ่งบริษัทฯ มีความเห็นว่า ควรมีการแก้ไขปรับปรุงขั้นตอนในส่วนของเครื่องทำความสะอาดเมล็ดข้าวโพดให้มีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถคัดและแยกสิ่งเจือปนจำพวกกากและซัง ออกจากเมล็ดข้าวโพดได้มากขึ้น ทำให้เมล็ดข้าวโพดที่ได้สะอาดและมีคุณภาพสูงขึ้น บริษัทฯจึงเข้าร่วมกับ โครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย(iTAP) สวทช.เครือข่ายภาคเหนือ เพื่อหาคำตอบของโจทย์ที่ต้องการปรับปรุงและพัฒนาเครื่องทำความสะอาดเมล็ดข้าวโพดให้มีประสิทธิภาพในการกำจัดและลดสิ่งเจือปนเพื่อเพิ่มคุณภาพให้กับเมล็ดข้าวโพด โดยให้ผลผลิตที่ได้หลังผ่านการปรับปรุงและพัฒนาเครื่องทำความสะอาดเมล็ดข้าวโพดมีความสะอาดเกินกว่า 85% ตามเกณฑ์มาตรฐานโรงงานอาหารสัตว์ “แม้เมล็ดข้าวโพดของเรายังจำหน่ายได้ราคาแต่ต้องการยกระดับสินค้าให้มีคุณภาพ โดยอุปกรณ์ของบริษัทฯไม่สามารถคัดเศษซังข้าวโพดที่มีขนาดใกล้เคียงหรือเล็กกว่าเมล็ดข้าวโพดออกได้ แต่เมื่อเข้าร่วมกับโครงการ iTAP ทำให้มีเครื่องทำความสะอาดเมล็ดข้าวโพดที่สามารถแยกสิ่งเจือปนเหล่านี้ออกไปได้” โครงการปรับปรุงและพัฒนาเครื่องทำความสะอาดเมล็ดข้าวโพด จึงเกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ iTAP คือ นายณัฐวุฒิ เนียมสอน อาจารย์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อพัฒนาเครื่องกำจัดสิ่งเจือปนในข้าวโพดและคัดเมล็ดข้าวโพดเกรดสูง คุณภาพดี โดยเมล็ดข้าวโพดจะแบ่งเป็นสามเกรด ได้แก่ เกรด 1 ใช้กับอาหารสัตว์น้ำ , เกรด 2 ใช้กับอาหารสัตว์ในฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ และเกรด 3 ใช้กับฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็ก โดย iTAP สามารถตอบโจทย์ได้ตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ คือ ช่วยให้ได้เมล็ดข้าวโพดที่มีคุณภาพเกรด 1 สามารถจำหน่ายได้ในราคาสูงกว่าและสร้างส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมผลิตอาหารเลี้ยงสัตว์น้ำ เมื่อตอบโจทย์การแก้ปัญหากระบวนการคัดแยกสิ่งเจือปนออกจากเมล็ดข้าวโพดได้แล้ว เมล็ดข้าวโพดก็จะถูกนำมาผ่านเครื่องอบลดความชื้นโดยการควบคุมความชื้นของเมล็ดข้าวโพดนี้ทำเพื่อให้สามารถเก็บได้นาน ไม่เกิดเชื้อรา โดยมาตรฐานของข้าวโพดที่อบแห้งแล้วจะต้องมีความชื้นไม่เกิน 14.5 % “ปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการอบ คือ เมล็ดข้าวโพดหลังผ่านการลดความชื้น จะมีความร้อนสะสมที่เมล็ด เป็นสาเหตุในการสร้างความเสียหายให้ผลผลิต เช่น หากเราอบข้าวโพดในฤดูฝน เมื่ออบครั้งแรกที่ความชื้น 14.5% แต่เมื่อผลผลิตไปสู่ปลายทางยังลูกค้าความชื้นกลับเพิ่มขึ้นเป็น 16-17% เนื่องจากสภาพอากาศภายนอก และจากการที่ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิในกระบวนการนี้ได้ ทำให้ต้องเข้าไปคุยกับ iTAP อีกครั้งและ iTAP ได้สร้างเครื่องมือในการทำงานให้กับเราจนได้เป็นเครื่องเป่าเย็น” โครงการออกแบบและพัฒนาสร้างเครื่องลดความร้อนเมล็ดข้าวโพดหลังอบ(เครื่องเป่าเย็น) จึงเป็นโครงการต่อเนื่องจากปัญหาในการทำงานต่อมา เพื่อสร้างและพัฒนาเครื่องลดความร้อนเมล็ดข้าวโพดหลังอบให้มีประสิทธิภาพในการลดอุณหภูมิของเมล็ดข้าวโพดหลังผ่านกระบวนการอบ โดยสามารถทำให้ความชื้นของเมล็ดข้าวโพดคงตัวอยู่ที่ 14.5% แม้จะคลุมผ้าไว้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง “หากไม่มีเครื่องเป่าเย็นก็จะควบคุมอุณหภูมิในการเก็บเมล็ดข้าวโพดได้ไม่คงที่ ทำให้ต้องอบเมล็ดพืชให้มีความชื้นต่ำกว่าที่กำหนด สูญเสียน้ำหนักมากจนเกินไปทำให้รายได้ลดลงจากการสูญเสียน้ำหนักดังกล่าว แต่เมื่อสามารถควบคุมอุณหภูมิก็จะได้เมล็ดข้าวโพดตามมาตรฐานช่วยให้สะดวกต่อการทำงาน ซึ่งกระบวนการต่อไปของการผลิตเมล็ดข้าวโพดหลังจากนี้ คือ การนำเข้าเครื่องคัดขนาดเมล็ด เครื่องแยกเมล็ดแตกและสิ่งเจือปน นำไปบ่อเก็บเมล็ดจนถึงกระบวนการสุดท้าย คือ ขนส่งสินค้า” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด่นชัยทรัพย์เกษตร จำกัด กล่าวอีกว่า ด้านกำลังการผลิตของบริษัทฯนั้น อยู่ที่ประมาณ 4,000-5,000 ตันต่อปี แต่เมื่อมีการพัฒนาเครื่องมือต่างๆร่วมกับ iTAP ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 20,000 ตันต่อปี “จากการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับ iTAP ยังทำให้บริษัทฯเกิดแนวความคิดเปลี่ยนจากการเป็นผู้ใช้งานเพียงอย่างเดียวกลายมาเป็นผู้ผลิต โดยได้ตั้งบริษัทใหม่ ได้แก่ บริษัท DSK วิศวกรรม จำกัด เพื่อผลิตเครื่องลดความร้อนเมล็ดข้าวโพด ทำให้เราสามารถเปิดตลาดเทคโนโลยีด้านนี้อีกด้วย สำหรับอนาคตยังวางแผนการทำงานร่วมกับ iTAP อย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตของบริษัทฯอย่างไม่หยุดยั้ง” นอกจากนี้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด่นชัยทรัพย์เกษตร จำกัด ยังกล่าวถึงมุมมองการทำเกษตรกรรมของประเทศในบทบาทของการเป็นรองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดแพร่ว่า “อยากให้การทำเกษตรกรรมบ้านเราถูกพัฒนาเป็นเกษตรอุตสาหกรรม จะเห็นได้ว่าชาวบ้านไม่สามารถขายสินค้าเกษตรให้ฟาร์มขนาดใหญ่โดยตรงได้และกระบวนการเดินทางสำหรับสินค้าเกษตรหนึ่งชนิดอาจใช้เวลาเดินทางตั้งแต่ขั้นที่ 1-10 ซึ่งในระหว่างทางนั้นสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ เช่น เมล็ดข้าวโพดเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตและขายจะได้ราคาหนึ่ง แต่เมื่อนำมาอบก็จะมีราคาเพิ่มขึ้น หากนำมาคัดเกรดราคาก็จะเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งทุกครั้งที่สามารถยืดระยะเวลา ราคาผลผลิตก็จะเพิ่มมากขึ้น การส่งเสริมการทำเกษตรจึงควรสร้างความรู้พร้อมเครื่องมือการทำงานและปรับแนวคิดให้เกษตรกรเห็นเส้นทางการทำงาน เพื่อพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรอย่างยั่งยืนในที่สุด” ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โครงการ iTAP โทร. 02-270-1350-4 ต่อ 114,115

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ