กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--ตลท.
TNH - แม้ผลการดำเนินงานใน Q1/53 (ส.ค.-ต.ค. 2552) จะชะลอตัวลง 5% qoq เนื่องจากสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ถือได้ว่ากำไรสุทธิที่ 41 ล้านบาทยังอยู่ในระดับเหมาะสม และ SCRI ประเมินการกลับมารระบาดอีกครั้งของโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ในช่วงหน้าหนาว จะทำให้ประชาชนยังคงใส่ใจในสุขภาพ จนทำให้การเข้ารักษาแพทย์ในโรงพยาบาลกลายเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้ อีกทั้ง การมุ่งสร้างจุดแข็งในการพัฒนาโรงพยาบาลให้เป็นศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง ส่งผลให้ TNH กลายเป็นหนึ่งในศูนย์การแพทย์ในแถบกรุงเทพตะวันออกที่สำคัญ ที่สามารถรองรับการขยายตัวของชุมชนและสำนักงานต่างๆรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ปัจจัยดังกล่าว ช่วยหนุนให้อัตรากำไรของบริษัทยังอยู่ระดับสูง และทำให้กำไรสุทธิอีก 3 ปีข้างหน้าของ TNH เติบโตตามคาดไม่ต่ำกว่าปีละ 8% CAGR สำหรับโครงสร้างธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ ส่งผลให้บริษัทมีความเสี่ยงในการลงทุนในระดับต่ำ โดย SCRI จัดระดับความเสี่ยงจากการลงทุนที่ “B” และยังคงคำแนะนำ “ซื้อลงทุน” โดยมีราคาเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 11 บาท/หุ้น
? กำไรสุทธิใน Q1/53 ลดลง 5% qoq จากจำนวนผู้ป่วยที่ลดลงและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น: แม้การแพร่กระจายของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ช่วงเดือนส.ค.-ต.ค. 2552 จะเริ่มเบาบางลง จนทำให้สัดส่วนของผู้ป่วยปกติที่มีอัตราค่ารักษาพยาบาลในระดับสูง อาทิ โรคหัวใจ เป็นต้น ปรับขึ้นเหนือกว่าผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นใน Q1/53 เพิ่มเป็น 33.56% จาก 33.26% ใน Q4/52 อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ป่วยทั้ง OPD และ IPD ที่ลดลงจาก 105,498 และ 8,198 คน ใน Q4/51 เป็น 93,080 และ 7,625 คน ทำให้รายได้ใน Q1/53 ลดลง 6% qoq เป็น 280 ล้านบาท ประกอบกับการปรับปรุงพื้นที่โรงพยาบาลเพื่อเตรียมรองรับจำนวนผู้ป่วยที่คาดจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริการเพิ่มขึ้น โดยคิดเป็น 16.2% ของยอดขาย ซึ่งกระทบให้กำไรสุทธิใน Q1/53 ลดลง 5% qoq จาก 43 ล้านบาทใน Q4/51 เป็น 41 ล้านบาท
? ความใส่ใจสุขภาพที่เพิ่มขึ้นและผลบวกจากการเปิดศูนย์แพทย์เฉพาะทาง ผลักดันให้กำไรปี 2553 ขยายตัว 8% yoy: การรุกทำการตลาดต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับกระแสรักสุขภาพโดยมีจุดขายจากศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง ประกอบกับการออกแพ็คเกจเพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยให้เข้ารักษาตัวสม่ำเสมอ คาดาจะผลักดันรายได้ปี 2553 เพิ่มขึ้น 16% yoy เป็น1,326 ล้านบาท นอกจากนี้ ผู้ป่วย OPD ที่มีราคาสูงกว่าโรคปกติมีแนวโน้มขยับขึ้น คาดจะทำให้รายได้/คน/วันของ OPD เพิ่มขึ้น 8% yoy และหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้น ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 32.5% และส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2553 เพิ่มขึ้นจาก 177 ล้านบาทในปี 2552 เป็น 190 ล้านบาท
? คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 11 บาท: SCRI ประเมินการลดลงของกำไรใน Q1/53 จะปัจจัยที่เกิดขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากการเตรียมพื้นที่และการรุกทำตลาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อตอบรับกระแสการรักษาสุขภาพที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การเปิดศูนย์แพทย์เฉพาะทางเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเข้ารักษา ยังเป็นโยบายหลักที่ช่วยดึงดูดผู้ป่วยรอบสุวรรณภูมิให้เข้ามารักษาตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยหนุนให้อัตรากำไรและผลประกอบการบริษัทเติบโตอย่างมั่นคง ดังนั้น SCRI แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 11 บาท/หุ้น