คอนติเนนทอลก้าวสู่ความสำเร็จ ติดตั้ง EBA ระบบเซ็นเซอร์อินฟาเรด สำหรับเบรคฉุกเฉิน ในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์

ข่าวยานยนต์ Friday December 18, 2009 12:03 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส ในปี 2553 ที่จะถึงนี้ผู้ผลิตยานยนต์จะนำระบบเซ็นเซอร์สำหรับเบรคฉุกเฉิน (EBA) ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทคอนติเนนทอล ไปใช้ในยานยนต์สำหรับสังคมเมือง ระบบดังกล่าวได้ติดตั้งเป็นครั้งแรกแล้วในรถยนต์วอลโว่ รุ่น XC 60 ประโยชน์ของระบบนี้ก็คือขณะขับขี่ด้วยอัตราความเร็วปกติในเมือง ระบบเซ็นเซอร์อินฟาเรด (EBA) จะทำการส่งข้อมูลให้รถเบรคโดยอัตโนมัติ ในระยะที่เสี่ยงต่อการชนท้าย เพื่อป้องกันการชน บริษัทคอนติเนนทอล ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลก ประสบความสำเร็จในการแนะนำให้กลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ในยุโรปนำ ระบบเซ็นเซอร์สำหรับเบรคฉุกเฉิน (EBA) ไปใช้ เพื่อป้องกันการชนท้าย ระบบเซ็นเซอร์นี้จะทำหน้าที่ตรวจดูสภาพถนนที่อยู่ข้างหน้ารถ พร้อมทำงานควบคู่กับระบบเบรค เมื่อเกิดความเสี่ยงจากการชนหัวถึงท้าย (nose-to-tail) ระบบนี้จะสั่งการไปที่เบรคโดยอัตโนมัติ ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถเบรคได้ทันท่วงที หรือมีการตอบสนองที่ช้าเกินไป โดยระบบนี้มีส่วนประกอบที่สำคัญสองส่วน คือ เซ็นเซอร์อินฟาเรด ที่สามารถตรวจสอบสภาพถนนที่อยู่ข้างหน้ารถ และจับสัญญาณอันตรายบนท้องถนน และระบบเบรคอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคอนติเนนทอลเป็นผู้จัดหาทั้งหมดนี้ ระบบดังกล่าวจะช่วยป้องกันการชน เมื่อความเร็วในการขับขี่อยู่ที่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สภาพการขับขี่ในเมือง ผู้ขับขี่มักมีความเสี่ยงจากการชนท้ายบ่อยครั้ง เนื่องจากผู้ขับขี่ต้องเบรค และเร่งคันเร่งอยู่ตลอด จากสถิติของตำรวจพบว่า 75% ของอุบัติเหตุมักเกิดขึ้นที่ความเร็วไม่เกิน30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาที่รถเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ หรือขณะ “ขับ ๆ หยุด ๆ” ระบบเซ็นเซอร์ที่ถูกพัฒนา และผลิตโดยบริษัทคอนติเนนทอล บนพื้นฐานของ CV Sensor (Closing Velocity Sensor) สามารถลดความเสี่ยงจากการโดนชนท้าย ระบบเซ็นเซอร์จะถูกติดตั้งไว้หลังกระจกหน้าในบริเวณที่ปัดน้ำฝนสามารถทำความสะอาดได้โดยนี้ทำงานด้วย ลำแสงเลเซอร์ 3 เส้น ที่คอยตรวจดูสภาพบนท้องถนนข้างหน้าในรัศมี 8 เมตร เซ็นเซอร์ดังกล่าวจะค้นหายานพาหนะที่จอดอยู่ หรือเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อพบสิ่งกีดขวาง หรือเมื่อรถอยู่ในระยะประชิดกับคันหน้า ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรคจะทำงานโดยอัตโนมัติ ในการขับขี่ซึ่งผู้ขับขี่ทิ้งระยะห่างจากคันหน้า ด้วยความเร็ว15 กิโลเมตร/ ชั่วโมงระบบนี้จะช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงการชนท้ายได้ และในกรณีที่การขับขี่มีอัตราเร็วขึ้น ระบบก็จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของการชนลงได้ ในขณะเดียวกันระบบนี้ยังช่วยป้องกันผู้ขับขี่ ด้วยการส่งผ่านข้อมูลไปยังหน่วยควบคุมถุงลมนิรภัย และส่งคำสั่งไปยังระบบควบคุมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดร. ราฟท์ เครเมอร์ ประธานกลุ่มธุรกิจแชสซี และความปลอดภัย และหนึ่งในกรรมการบริหารของคอนติเนนทอล กล่าวว่า “การออกแบบให้เหมาะสมกับยานยนต์ทุกรุ่น และการนำไปใช้งาน สามารถเป็นไปได้ด้วยโมดุลที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้ผลิตได้ การที่ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่าง ๆ นำระบบดังกล่าวไปใช้ ทำให้คอนติเนนทอลบรรลุเป้าหมาย “ความปลอดภัยสำหรับทุกคน” “ซึ่งสามารถลดปริมาณการเกิดอุบัติเหตุ และการบาดเจ็บลงได้” กลุ่มคอนติเนนทอล คอร์ปอเรชั่น เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งมอบชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำลำดับต้นๆ ของโลก มียอดขายในปี 2551 มากกว่า 24 พันล้านยูโร หรือประมาณ 1.08 ล้านล้านบาท (1,080 พันล้านบาท) ในฐานะที่กลุ่มคอนติเนนทอล เป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญ ได้แก่ ระบบเบรก ระบบและชิ้นส่วนสำหรับระบบส่งกำลังและแชสซี หน้าปัดรถยนต์ อุปกรณ์เพิ่มความบันเทิงในรถยนต์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ ยางรถยนต์และยางสังเคราะห์ เป็นต้น กลุ่มคอนติเนนทอล มุ่งมั่นพัฒนาระบบและส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุด อีกทั้งร่วมกันปกป้องสภาพแวดล้อมของโลกด้วย นอกจากนี้ คอนติเนนทอล ยังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้มแข็งในการพัฒนาเครือข่ายการสื่อสารที่ใช้ในยานยนต์ ปัจจุบัน กลุ่มคอนติเนนทอล คอร์ปอเรชั่น มีพนักงานประมาณ 134,000 คน ในสำนักงานกว่า 190 แห่งใน 37 ประเทศทั่วโลก กลุ่มยานยนต์คอนติเนนทอล เป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ลำดับต้นๆ ของโลก ประกอบด้วย 3 ส่วนธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจแชสซีและความปลอดภัย (ยอดขาย 5.1 พันล้านยูโร พนักงาน 27,000 คน) ธุรกิจระบบส่งกำลัง (ยอดขาย 4 พันล้านยูโร พนักงาน 25,000 คน) และธุรกิจอุปกรณ์ภายในรถยนต์ (ยอดขาย 5.9 พันล้านยูโร พนักงานมากกว่า 30,000 คน) ในปี 2551 กลุ่มยานยนต์สามารถสร้างยอดขายรวมมากกว่า 15 พันล้านยูโร กลุ่มยานยนต์ มีสำนักงานกว่า 130 แห่งทั่วโลก ในฐานะพันธมิตรของอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้มีการพัฒนาและผลิตชิ้นส่วนและระบบที่เป็นนวัตกรรมที่ตอบสนองต่อยานยนต์แห่งโลกอนาคตซึ่งรถยนต์สามารถตอบสนองความต้องการส่วนบุคคล ให้ความเพลิดเพลินในการขับ มีความปลอดภัยในการขับขี่สูง อีกทั้งยังปกป้องสภาพแวดล้อมของโลกและราคาประหยัดคุ้มค่าด้วย ธุรกิจแชสซีและความปลอดภัย พัฒนาและผลิตระบบเบรกอิเล็กทรอนิกส์ ระบบเบรกไฮดรอลิก ระบบควบคุมแชสซี เซ็นเซอร์ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ระบบควบคุมถุงลมนิรภัย เช่นเดียวกับ ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ความสามารถหลักของสายงานนี้คือ การบูรณาการระบบป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุและระบบปกป้องหลังเกิดอุบัติเหตุไปสู่แนวคิดความปลอดภัยของคอนติการ์ด ส่วนธุรกิจระบบส่งกำลัง จะผสมผสานนวัตกรรม และระบบส่งกำลังยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ ธุรกิจนี้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลากหลายรวมถึงหัวฉีดแกสโซลีนและดีเซล ระบบจัดการเครื่องยนต์ ระบบควบคุมเกียร์ เซ็นเซอร์ และแอคทูเอเตอร์ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงและชิ้นส่วน รวมทั้งระบบสำหรับรถยนต์ไฮบริด การจัดการข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจอุปกรณ์ภายในรถยนต์ ซึ่งเน้นการจัดการข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญ ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ภายในรถยนต์และหน้าปัดแสดงข้อมูล หน่วยควบคุมการเปิดปิดรถยนต์อัตโนมัติ ระบบตรวจสอบยางรถ วิทยุ ระบบมัลติมีเดียและระบบนำทาง ระบบควบคุมอุณหภูมิ เทเลมาติกส์ โมดุลที่นั่งคนขับ ผลิตภัณฑ์และบริการเสริมอื่น ๆ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ คุณปัณรษี ไทยวัชรามาศ บริษัท พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส จำกัด โทรศัพท์ 0-2651-8989 ต่อ 222 อีเมล์ panarasee@prassociates.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ