กรุงเทพฯ--23 ธ.ค.--แพรนด้า จิวเวลรี่
รายงานข่าวจาก บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด(มหาชน) หรือ PRANDA เปิดเผยถึงยอดขายตลอดปี 2552 ที่กำลังจะสิ้นสุดลงว่า จะมียอดขายลดลงประมาณ 10 % อันเป็นผลจากวิกฤติการทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศทั่วโลก ขณะที่ภาพรวมของการส่งออกเครื่องประดับแท้ของประเทศไทยนั้นหดตัวลงมากกว่า 16% ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจและมีอัตราการหดตัวน้อยกว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมนั้น มาจาก 2 มาตรการสำคัญ คือ มาตรการที่ 1. การมุ่งเน้นขยายตลาดใหม่โดยใช้ Brand สินค้าของบริษัทฯเอง และให้ความสำคัญกับตลาดจีน รวมถึงอินเดียเป็นหลัก 2. การพิจารณาเลือกลูกค้าที่มีคุณภาพและศักยภาพ อย่างไรก็ตามจากวิกฤติทางเศรษฐกิจที่คลี่คลายลงแล้วนั้น ทำให้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในปี 2553 จะสามารถเพิ่มยอดขายได้ 10 % จากปี 2552
สำหรับสถานการณ์ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอดนั้น ได้ส่งผลต่อพฤติกรรมของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป โดยความต้องการเครื่องประดับทองมีปริมาณลดลง และหันไปบริโภคเครื่องประดับเงินมากขึ้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากบริษัทฯ มีความยืดหยุ่นด้านการผลิต จึงสามารถปรับการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดได้ โดยตลอดปี 2552 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดการผลิตที่ไม่ได้ลดน้อยลงกว่าปีก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
สำหรับเครื่องประดับเงิน กล่าวได้ว่าเป็นตลาดที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ดีกว่าตลาดเครื่องประดับทอง การผลิตเครื่องประดับเงินมากขึ้นจึงส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ของบริษัทฯ เช่นเดียวกับการเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าที่เป็น Brand ของตนเองเพิ่มมากขึ้น ก็ส่งผลที่ดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นเช่นกัน ประกอบกับการควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจากการดำเนินธุรกิจตลอดระยะ 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2552 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้น โดยเพิ่มมาเป็น 38% จากเดิมปี 2551 อยู่ที่อัตรา 32% ของยอดขาย
กลยุทธ์ที่สำคัญของกลุ่มบริษัทแพรนด้าก็คือ การขยายฐานการตลาดสินค้า Brand โดยในปี 2552 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พัฒนาตลาดสินค้า Brand ของกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตลาดยุโรป อเมริกา และเอเชีย โดยในตลาดยุโรปได้มีการทำตลาดสินค้าเครื่องประดับเงิน Ca? ซึ่งได้แตกไลน์ทำสินค้าเครื่องประดับสำหรับสุภาพบุรุษ มีร้านค้าที่นำไปจัดจำหน่ายมากกว่า 200 ร้านในเยอรมนี เครื่องประดับเงิน Merii ได้ขยายตลาดจากประเทศเนเธอร์แลนด์ไปยังเยอรมนีและประเทศใกล้เคียง และในต้นปี 2553 นี้ทาง PRANDA & KROLL GMBH &CO.KG ซึ่งตั้งอยู่ในเยอรมนี ได้รับสิทธิในการจัดจำหน่ายเครื่องประดับระดับสูงภายใต้เครื่องหมายการค้า Baldessarini ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดยุโรป นอกจากนี้เครื่องประดับแฟชั่น V&A ซึ่งเป็นแบรนด์ที่บริษัทแพรนด้าได้รับสิทธิในการผลิต และจัดจำหน่ายนั้น ได้ขยายตลาดจากอังกฤษ ไปสู่เยอรมนี และอเมริกา โดยเน้นช่องทางการจัดจำหน่ายทางทีวี และร้านจำหน่ายเครื่องประดับเงินและแฟชั่น
ในส่วนตลาดเอเชีย เครื่องประดับทองคำแท้ 99.9% แบรนด์ Prima Gold ได้ขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีร้านค้าที่จัดจำหน่าย Prima Gold แล้วมากกว่า 180 ร้าน เครื่องประดับเงิน 92.5% ฝังแมกกาไซต์ แบรนด์ Esse ได้ขยาย จุดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในประเทศจีนเพิ่มเป็น 12 ร้าน และงานหัตถศิลป์ทองคำ 99.9% แบรนด์ Prima Art ซึ่งปัจจุบันได้ขยายเครือข่ายร้านค้าปลีกในอินเดียมากกว่า 1,000 ร้าน
สำหรับปี 2553 บริษัทฯ วางแผนจะรุกตลาดได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในอินเดีย จีน ออสเตรเลีย และยุโรป โดยแบรนด์ Prima Gold มีแผนที่จะเริ่มทำการตลาดอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้นในอินเดีย แบรนด์ Esse จะเพิ่มการขยายสาขาในเสินเจิ้น และเมืองหลักที่มีศักยภาพของจีน นอกจากนี้ในประเทศออสเตรเลียจะเน้นการจำหน่ายแบรนด์เครื่องประดับอัญมณี H.Gringoire ซึ่งมีจุดกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส โดยจะวางจำหน่ายในร้านค้าเครื่องประดับระดับกลาง-สูง ส่วนแบรนด์ Baldessarini จะรุกตลาดยุโรปอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่ร้านค้าเครื่องประดับระดับสูง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์บมจ.แพรนด้า จิวเวลรี่ โทร. 0-2361-3311 ต่อ 131,132,133www.pranda.co.th