รายงานสถานการณ์อุทกภัย สภาวะอากาศ ปริมาณน้ำฝน และสภาพน้ำท่า วันที่ 10 ตุลาคม 2549 เวลา 20.00 น.

ข่าวทั่วไป Wednesday October 11, 2006 09:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--ปภ.
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวม (ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม — 10 ตุลาคม 2549)
1.1 ระหว่างวันที่ 27-31 สิงหาคม 2549 วันที่ 9-12 กันยายน 2549 และวันที่ 18-23 กันยายน 2549 ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พายุดีเปรสชั่นเคลื่อนตัวผ่าน (24-25 ก.ย.49) และพายุดีเปรสชั่น “ช้างสาร” (1-3 ต.ค.49) ทำให้มีฝนตกหนักมากในพื้นที่ ระดับน้ำในแม่น้ำมีปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มริมฝั่งของลำน้ำหลายพื้นที่
1.2 พื้นที่ประสบภัย รวม 46 จังหวัด 268 อำเภอ 17 กิ่งอำเภอ 1,543 ตำบล 8,554 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,025,046 คน 540.844 ครัวเรือน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม นครนายก ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี ยโสธร ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา และกรุงเทพมหานคร
1.3 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 39 คน จังหวัดเชียงใหม่ 7 คน (อำเภอฝาง 7 คน) จังหวัดลำปาง 2 คน (อ.แม่เมาะ 1 อำเภองาว 1) จังหวัดสุโขทัย 7 คน (อ.เมือง 1 อ.สวรรคโลก 2 อ.กงไกรลาศ 4 ) จังหวัดพิษณุโลก 5 คน (อ.บางระกำ) จังหวัดนครสวรรค์ 1 คน (อ.บรรพตพิสัย) จังหวัดเพชรบูรณ์ 1 คน (อ.เมือง) สิงห์บุรี 1 (อ.เมือง) จังหวัดอ่างทอง 4 คน (อ.เมือง 2 อ.ป่าโมก 2) จังหวัดพิจิตร 1 คน (อ.เมือง) จังหวัดปราจีนบุรี 1 คน (อ.กบินทร์บุรี) จังหวัดจันทบุรี 4 คน (อ.มะขาม 2 อ.นายายอาม 1 อ.เมือง 1 ) จังหวัดปทุมธานี 2 คน (อ.เมือง 1 อ.สามโคก 1) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1 คน (อ.บางบาล) จังหวัดชัยภูมิ 1 คน (อ.จัตุรัส) และจังหวัดพังงา 1 คน (อ.ตะกั่วป่า) สูญหาย 1 คน (จังหวัดเชียงใหม่ อ.ฝาง)
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 36 หลัง เสียหายบางส่วน 7,209 หลัง ถนน 2,557 สาย สะพาน 226 แห่ง ท่อระบายน้ำ 378 แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 437 แห่ง พื้นที่ทางการเกษตร 1,556,941 ไร่ บ่อปลา/กุ้ง 16,963 บ่อ วัด/โรงเรียน 453 แห่ง ความเสียหายอื่น ๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นเท่าที่สำรวจได้ ประมาณ 236,581,791 บาท
2. พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 29 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ เพชรบูรณ์ พะเยา อุตรดิตถ์ ตาก สระบุรี นครปฐม ลพบุรี นครนายก ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตราด ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี ขอนแก่น ศรีสะเกษ ยโสธร ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพังงา โดยทุกหน่วยงานยังคงปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย แจกจ่ายเครื่องอุปโภค บริโภค น้ำดื่ม การฟื้นฟู ล้างทำความสะอาดถนนในเขตเทศบาล โรงเรียน สถานีอนามัย และการซ่อมแซมถนน สะพาน ที่ชำรุดเสียหายให้สามารถใช้การได้ในเบื้องต้นแล้ว
3. พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 17 จังหวัด เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านพื้นที่สูงกว่าตลิ่ง ได้แก่จังหวัดกำแพงเพชร พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี ปราจีนบุรี จันทบุรี อุดรธานี และกรุงเทพมหานคร ดังนี้
3.1 จังหวัดจันทบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลท่าช้าง ตำบลจันทนิมิต ตำบลพลับพลา ตำบลคลองนารายณ์ ตำบลเกาะวาง และตำบลวัดใหม่ รวมทั้งในพื้นที่เศรษฐกิจของเทศบาลเมืองจันทบุรี ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-0.70 ม. ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีฝนตก
2) อำเภอมะขาม ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ ตำบลมะขาม ตำบลวังแซ้ม ตำบลท่าหลวง และเทศบาลตำบลมะขาม ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 ม. หากไม่มีฝนตกเพิ่มจะเข้าสู่ภาวะปกติในวันนี้
3) กิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏ ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลพลวง และตำบลชากไทย ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 ม. หากไม่มีฝนตกเพิ่มจะเข้าสู่ภาวะปกติในวันนี้
การให้ความช่วยเหลือ
1) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดส่งเรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 3 ปราจีนบุรี เขต 5 นครราชสีมา และเขต 6 ขอนแก่น จำนวนศูนย์ฯ ละ 6 ลำ รวม 18 ลำ ไปสนับสนุนเพิ่มเติมรวมมีเรือของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่ปฏิบัติการช่วยเหลือทั้งหมด จำนวน 32 ลำ มีเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติงาน 80 นาย
2) กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด หน่วยบรรเทาสาธารณภัย กองสนับสนุนการช่วยรบได้จัดส่งรถเกราะ V 150 จำนวน 2 คัน เรือยาง 5 ลำ เรือท้องแบน ขนาด 1.50 x 3 ม. 5 ลำ รถขนาด 2 ตันครึ่ง 29 คัน ไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่จังหวัดจันทบุรี
3) จังหวัดจันทบุรี ร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ กปช.จต. สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ/กิ่งอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดส่งเรือท้องแบน จำนวน 20 ลำ ถุงยังชีพ 4,000 ชุด ข้าวกล่อง 13,000 กล่อง น้ำดื่ม 96,000 ขวด และกระสอบทราย 15,000 ถุง ช่วยเหลือผู้ประสบภัย และจัดวงรอบส่งอาหารและน้ำดื่ม แก่ผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
4) ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระดับจังหวัด อำเภอ/กิ่งอำเภอ เทศบาล โดยมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชม. รวมทั้งมีชุดเคลื่อนที่เร็ว พร้อมช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย
5) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ร่วมกับมูลนิธิสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จัดส่งรถบรรทุกขนาดเล็กรถโฟว์วิล รถตู้ เรือท้องแบนขนาดใหญ่พร้อมเครื่องยนต์ รวมทั้งหมด 7 หน่วย และจัดตั้งโรงทานผลิตอาหารแจกผู้ประสบภัย 3,000 ชุด/มื้อ 3 มื้อ/วัน จำนวน 5 วัน ที่โรงเรียนเบญจมราชาทิศ อำเภอเมืองจันทบุรี
3.2 จังหวัดกำแพงเพชร มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรใน 2 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่
1) อำเภอคลองขลุง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตร 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลท่ามะเขือ (หมู่ที่ 1,2) ตำบลวังยาง (หมู่ที่ 8,9) ตำบลวังแขม และตำบลวังบัว ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
2) อำเภอขาณุวรลักษบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตร 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลแสนต่อ ตำบลเกาะ และตำบลสลกบาตร ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
3) กิ่งอำเภอบึงสามัคคี มีน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตร 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลวังชะโอน (หมู่ที่ 1-14) ตำบลบึงสามัคคี (หมู่ที่ 1-12) ตำบลระหาน (หมู่ที่ 1-10) และตำบลเทพนิมิต (หมู่ที่ 1-9) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัดกำแพงเพชร สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด มอบถุงยังชีพ และน้ำดื่ม จำนวน 9,500 ชุด และกระสอบทราย 13,000 ถุง ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
- จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเจ้าหน้าที่ อปพร. เครื่องมืออุปกรณ์ รถกู้ภัย 3 คัน เรือท้องแบน 9 ลำ และรถบรรทุก 1 คัน ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.3 จังหวัดในลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน รวม 4 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ ริมแม่น้ำ และพื้นที่การเกษตรในที่ลุ่มที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ได้แก่
- จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางระกำ 10 ตำบล (ต.บางระกำ ต.ปลักแรด ต.บึงกอก ต.หนองกุลา ต.ชุมแสงสงคราม ต.นิคมพัฒนา ต.บ่อทอง ต.ท่านางงาม ต.คุยม่วง และ ต.วังอิทก) อำเภอพรหมพิราม 9 ตำบล (ต.มะตูม ต.ท่าช้าง ต.หนองแขม ต.วังวน ต.ศรีภิรมย์ ต.ดงประคำ ต.พรหมพิราม ต.หอกลอง และ ต.ตะลุกเทียม) อำเภอเมือง 3 ตำบล (ต.บ้านกร่าง ต.งิ้วงาม และ ต.วัดพริก) อำเภอวัดโบสถ์ 2 ตำบล (ต.หินลาด และ ต.บ้านยาง)
- จังหวัดสุโขทัย จำนวน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีสำโรง 10 ตำบล (ต.สามเรือน ต.วัดเกาะ ต.บ้านนา ต.วังทอง ต.วังใหญ่ ต.ทับผึ้ง ต.บ้านไร่ ต.บ้านซ่าน ต.ราวต้นจันทน์ และ ต.ขุนไกร) อำเภอเมือง 6 ตำบล (ต.เมืองเก่า ต.ยางซ้าย ต.ปากพระ ต.บ้านกล้วย ต.วังทองแดง และ ต.ปากแคว) อำเภอกงไกรลาศ 11 ตำบล (ต.ท่าฉนวน ต.บ้านกร่าง ต.กง ต.ป่าแฝก ต.หนองตูม ต.ไกรกลาง ต.กกแรต ต.บ้านใหม่สุขเกษม ต.ไกรนอก ต.ไกรใน และ ต.ดงเดือย) และ อำเภอคีรีมาศ 1 ตำบล (ต.ทุ่งหลวง) และอำเภอสวรรคโลก 3 ตำบล (ต.เมืองบางขลัง ต.หนองกลับ และ ต.นาทุ่ง)
- จังหวัดพิจิตร จำนวน 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 11 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลท่าฬ่อ ต.ในเมือง ต.ฆะมัง ต.บ้านบุ่ง ต.ปากทาง ต.ย่านยาว ต.สายคำโห้ ต.ป่ามะคาบ ต.หัวดง ต.ท่าฬ่อ ต.ดงป่าคำ และ ต.ดงกลาง) อำเภอสามง่าม 4 ตำบล (ต.รังนก ต.กำแพงดิน ต.สามง่าม และ ต.เนินปอ) อำเภอวชิรบารมี
4 ตำบล (ต.วังโมกข์ ต.หนองหลุม ต.บ้านนาและ ต.บึงบัว) อำเภอโพธิ์ประทับช้าง 7 ตำบล (ต.วังจิก ต.ไผ่ท่าโพธิ์ ต.โพธิ์ประทับช้าง ต.ไผ่รอบ ต.ดงเสือเหลือง ต.เนินสว่าง และ ต.ทุ่งใหญ่) อำเภอโพทะเล 9 ตำบล (ต.ทะนง ต.ท่าขมิ้น ต.ท่าบัว ต.ท่านั่ง ต.ท่าเสา ต.ท้ายน้ำ ต.บางคลาน ต.โพทะเล และ ต.บ้านน้อย) อำเภอตะพานหิน 10 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลเมืองตะพานหิน ต.งิ้วราย ต.ห้วยเกตุ ต.ทุ่งโพธิ์ ต.ดงตะขบ ต.ไทรโรงโขน ต.วังหลุม ต.หนองพยอม ต.คลองคูณ ต.วังสำโรง และ ต.ไผ่หลวง ) อำเภอบึงนาราง 5 ตำบล (ต.ห้วยแก้ว ต.โพธิ์ไทรงาม ต.บึงนาราง ต.บางราย และ ต.แหลมรัง) และ อำเภอบางมูลนาก 9 ตำบล (ต.หอไกร ต.วังกรด ต.วังสำโรง ต.วังตะกู ต.ลำประดา ต.เนินมะกอก ต.ภูมิ ต.ห้วยเขน และ ต.บางไผ่)
- จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 16 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลนครนครสวรรค์ ต.เกรียงไกร ต.พระหลวง ต.บึงเสนาท ต.แควใหญ่ ต.วัดไทรย์ ต.บ้านแก่ง ต.กลางแดด ต.สวรรค์ออก ต.พระนอน ต.บางม่วง ตำบลตะเคียนเลื่อน ต.นครสวรรค์ตก ต.หนองกระโดน ต.หนองปลิง ต.หนองกรด และ ต.บ้านมะเกลือ) อำเภอชุมแสง 11 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาล ต.ทับกฤช ต.โคกหม้อ ต.บางเคียน ต.ท่าไม้ ต.ฆะมัง ต.พิกุล ต.หนองกระเจา ต.พันลาน ต.เกยไชย ต.ทับกฤชใต้ ต.ทับกฤช และ ต.ไผ่สิงห์) อำเภอเก้าเลี้ยว 5 ตำบล (ต.หนองเต่า ต.มหาโพธิ ต.เก้าเลี้ยว ต.เขาดิน และ ต.หัวดง) อำเภอโกรกพระ 8 ตำบล 2 เทศบาล (เทศบาลตำบลโกรกพระ เทศบาลตำบลบางประมุง ต.ยางตาล ต.โกรกพระ ต.บางมะฝ่อ ต.บางประมุง ต.นากลาง ต.ศาลาแดง ต.เนินกว้าว และ ต.เนินศาลา) อำเภอพยุหะคีรี 7 ตำบล (ต.ยางขาว ต.เนินมะกอก ต.ม่วงหัก ต.น้ำอ้อย ต.น้ำทรง ต.พยุหะ และ ต.ย่านมัทรี) อำเภอบรรพตพิสัย 13 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลบรรพตพิสัย ต.ท่างิ้ว ต.ตาหงาย ต.หูกวาง ต.อ่างทอง ต.บ้านแดน ต.บางแก้ว ต.ตาขีด ต.ตาสัง ต.ด่านช้าง ต.บึงปลาทู ต.เจริญผล ต.หนองตางู และ ต.หนองกรด) อำเภอท่าตะโก 10 ตำบล (ตำบลท่าตะโก ต.พนมรอก ต.หัวถนน ต.สายลำโพง ต.วังมหากร ต.ดอนคา
ต.ทำนบ ต.วังใหญ่ ต.พนมเศษ และ ต.หนองหลวง) ส่วนการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ นั้น ทุกหน่วยงานยังคงปฏิบัติงานการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
๏ ระดับน้ำในแม่น้ำยม ที่ฝายบางบ้า อำเภอบางระกำ เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 10 ต.ค.49
ระดับน้ำสูง 42.80 ม. (ระดับตลิ่ง 40.50 ม.) ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 2.30 ม.
๏ ระดับน้ำในแม่น้ำยม เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 10 ต.ค.49 ที่สถานี Y.33 อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 10.30 ม. (ระดับตลิ่ง 10.00 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 0.30 ม. ที่สถานี Y.4 อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 6.58 ม. (ระดับตลิ่ง 7.45 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 0.87 ม. และที่ฝายยางบ้านกง อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 10.52 ม. (ระดับตลิ่ง 9.00 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 1.52 ม.
3.4 จังหวัดชัยนาท มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลธรรมามูล (หมู่ที่ 1,3,4,6,7) และตำบลเขาท่าพระ (หมู่ที่ 3,5,6) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.70 ม.
2) อำเภอสรรพยา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา 7 ตำบล 2 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลสรรพยา (หมู่ที่ 3-5) เทศบาลโพนางดำ (หมู่ที่ 2) ตำบลเขาแก้ว (หมู่ที่ 1-6) ตำบลหาดอาษา (หมู่ที่ 1-9) ตำบลโพนางดำออก (หมู่ที่ 1-7) ตำบลโพนางดำตก (หมู่ที่ 1-6) ตำบลบางหลวง (หมู่ที่ 1-4) ตำบลตลุก (หมู่ที่ 1-5,8,11,12) และตำบลสรรพยา (หมู่ที่ 1-7) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.00-1.40 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท แจกจ่ายถุงยังชีพ 1,027 ชุด และสนับสนุนเต็นท์ 20 ชุด น้ำประปาวันละ 70,000 ลิตร ให้กับประชาชนผู้ประสบภัย
- องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ จำนวน 6 เครื่อง เพื่อสูบน้ำออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง และรถแบ็คโฮ เพื่อมาทำคันกั้นน้ำ
- จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ องค์การบริหารส่วนตำบล มอบถุงยังชีพ จำนวน 1,750 ถุง ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.5 จังหวัดอุทัยธานี เกิดฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 2 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ 10 ตำบล 98 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลสะแกกรัง (หมู่ที่ 1,3,4,5,6,7,8) ตำบลท่าซุง (หมู่ที่ 1-8) ตำบลน้ำซึม (หมู่ที่ 1,2,3,4,6,7) ตำบลเกาะเทโพ (หมู่ที่ 1-6) ตำบลหาดทะนง (หมู่ที่ 1-6) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.20-1.50 ม. ตำบลเนินแจง (หมู่ที่ 1,5,6,8) ตำบลดอนขวาง (หมู่ที่ 3) ตำบลโนนเหล็ก (หมู่ที่ 1) ตำบลหนองไผ่แบน (หมู่ที่ 2,4,5,6) และตำบลอุทัยใหม่ ระดับน้ำสูงประมาณ 1.00-1.20 ม.
2) อำเภอหนองขาหย่าง น้ำจากเขื่อนทับเสลาและแม่น้ำสะแกกรัง เอ่อเข้าท่วมในพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ตำบลหลุมเข้า (หมู่ที่ 1,2,3,5) ตำบลดงขวาง (หมู่ที่ 2-4) ตำบลหนองไผ่ (หมู่ที่ 2,3,9) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยเหล่ากาชาดจังหวัดอุทัยธานี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน 3,500 ชุด เรือท้องแบน จำนวน 18 ลำ
- หน่วย นพค.15 สนับสนุนกำลังพล จำนวน 30 นาย
3.6 จังหวัดสิงห์บุรี มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 4 อำเภอ ได้แก่ 1) อำเภออินทร์บุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 6 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลอินทร์บุรี (หมู่ที่ 3,4,6,7) ตำบลชีน้ำร้าย (หมู่ที่ 1-6,8) ตำบลท่างาม (หมู่ที่ 1-9) ตำบลน้ำตาล (หมู่ที่ 1-8) ตำบลประศุก (หมู่ที่ 1-7) ตำบลทับยา (หมู่ที่ 1-8,10) และตำบลอินทร์บุรี (หมู่ที่ 1,2,5,8,10) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.50-2.00 ม.
2) อำเภอเมือง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองสิงห์บุรี ฝั่งตะวันออก 8 ชุมชน ระดับน้ำประมาณ 0.80-1.00 ม. ตำบลบางกระบือ (หมู่ที่ 1-6,8) และตำบลต้นโพธิ์ (หมู่ 5,6) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80-1.50 ม.
ํพนังกันน้ำคลองชลประทานของตำบลบางกระบือแตก จำนวน 3 จุด ความยาวจุดละ 3-4 ม. และ 8-9 ม. และพนังกันน้ำคลองชนประทานของตำบลต้นโพธิ์ (หมู่ที่ 1) แตกจำนวน 1 จุด ความยาว 8-9 ม.
3) อำเภอพรหมบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลพรหมบุรี (หมู่ที่ 1,3,4,5) ตำบลบ้านหม้อ (หมู่ที่ 3-4) ตำบลโรงช้าง (หมู่ที่ 1-6) ตำบลพระงาม (หมู่ที่ 3,6) ตำบลบางน้ำเชี่ยว (หมู่ที่ 2,3,4,6) และตำบลบ้านแป้ง (หมู่ที่ 2,3,4) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80-1.30 ม.
4) อำเภอท่าช้าง น้ำจากแม่น้ำน้อยเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลถอนสมอ (หมูที่3,4) ตำบลพิกุลทอง (หมู่ที่ 1,2) และตำบลวิหารขาว (หมู่ที่ 1,2,3,5) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัดสิงห์บุรี หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสิงห์บุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสถานการณ์อุทกภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้นแล้ว
- กำลังพลทหารปฏิบัติงานช่วยเหลือในพื้นที่ ดังนี้ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ 70 นาย (ที่ อ.พรหมบุรี) กองพัน 20 รอ. 85 นาย (ที่ อ.เมือง) ศูนย์การทหารปืนใหญ่ 130 นาย (ที่เทศบาลตำบลปากบาง) ศูนย์การบินทหารบก 33 นาย (ที่ ต.บ้านแป้น อ.อินทร์บุรี)
- อำเภอมอบถุงบรรจุทราย เสาเข็ม ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำไปดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.7 จังหวัดอ่างทอง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย เอ่อล้นไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรที่อยู่ริมน้ำซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองอ่างทอง ตำบลบางแก้ว ตำบลบ้านอิฐ (หมู่ที่ 3,5,10,11) ตำบลจำปาหล่อ (หมู่ที่ 1-6) ตำบลตลาดกรวด (หมู่ที่ 1-6) ตำบลยานซื่อ (หมู่ที่ 1-5) ตำบลบ้านแห (หมู่ที่ 4-6) และตำบลโพสะ (หมู่ที่ 1,2,5) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.50-2.20 ม. โดยน้ำได้ไหลทะลักลอดพนังกั้นริมน้ำบ้านท้ายหาด ตำบลตลาดหลวง ทำให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ ในเขตเทศบาลเมืองอ่างทอง บริเวณตลาดสดเทศบาลเมืองอ่างทอง 1,2 ตลาดนพรัตน์ ตลาดหลวง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50 ม. ขณะนี้จังหวัดได้ระดมทหาร อาสาสมัคร โดยถอยร่นพื้นที่แนวป้องกัน จัดทำกระสอบทรายวางเสริมแนวป้องกันน้ำเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
- เมื่อวันที่ 9 ต.ค.49 บริเวณโครงการก่อสร้างประตูน้ำคลองบางแก้ว หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ที่ได้นำกระสอบทรายทำคันกั้นน้ำ ระหว่างคลองบางแก้วเพื่อไม่ให้น้ำไหลลงไปสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกิดพังเป็นบริเวณกว้างประมาณ 20 เมตร น้ำได้ไหลลงสู่คลองบางแก้ว และเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่อำเภอมหาราช 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลบ้านนา ท่าตอ บ้านขวาง บ้านใหม่ และหัวไผ่ คาดว่าจะมีผลกระทบต่อพื้นที่อำเภอบ้านแพรก อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาต่อไป
2) อำเภอป่าโมก มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ ตำบลโผงเผง (หมู่ที่ 1-10) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.20-1.50 ม. ตำบลบางปลากด (หมู่ที่ 6) ตำบลบางเสด็จ (หมู่ที่ 1-6) ตำบลโรงช้าง (หมู่ที่ 1-3,6-8) ตำบลสายทอง (หมู่ที่ 3-5,7-8) ตำบลนรสิงห์ (หมู่ที่ 1-7) เทศบาลตำบลป่าโมก (ชุมชนที่
1-2,8-10) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.50-2.00 ม. และตำบลเอกราช (หมู่ที่ 4-5) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40 ม. สำหรับบริเวณที่ว่าการอำเภอป่าโมก ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 1.00-1.50 ม.
3) อำเภอไชโย มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล 2 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลจรเข้ร้อง (หมู่ที่ 2,4,7) เทศบาลตำบลเกษไชโย (หมู่ที่ 1-6) ตำบลตรีณรงค์ (หมู่ที่ 1-3) ตำบลชัยฤทธิ์(หมู่ที่ 1-3,6) ตำบลหลักฟ้า (หมู่ที่ 1,2) ตำบลไชยภูมิ (หมู่ที่ 1,2,6,8) ตำบลเทวราช (หมู่ที่ 1-7) และตำบลราชสถิตย์ (หมู่ที่ 1-7) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.70 ม. ส่วนตำบลซะไว (หมู่ที่ 1-3) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.20-1.80 ม.
4) อำเภอแสวงหา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล ได้แก่ ตำบล บ้านพราน (หมู่ที่ 1-10) ตำบลศรีพราน ตำบลจำลอง (หมู่ที่ 1,2) ตำบลแสวงหา (หมู่ที่ 6,14) ตำบลสีบัวทอง (หมู่ที่ 1-11) ตำบลวังน้ำเย็น และตำบลห้วยไผ่ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
5) อำเภอวิเศษไชยชาญ มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 9 ตำบล ได้แก่ ตำบลม่วงเตี้ย (หมู่ที่ 1,2) ตำบลไผ่จำศีล (หมู่ที่ 1-4, 6) ตำบลศาลเจ้าโรงทอง (หมู่ที่ 1-6, 8-9) ตำบลท่าช้าง (หมู่ที่ 2-6) ตำบลสี่ร้อย (หมู่ที่ 1-7) ตำบลบางจัก (หมู่ที่ 1-10, 12-13) ตำบลคลองขนาก (หมู่ที่ 1-4, 9) ตำบลหลักแก้ว (หมู่ที่ 1,2) และตำบลห้วยคันแหลน (หมู่ที่ 6) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.60-0.90 ม.
6) อำเภอโพธิ์ทอง น้ำจากแม่น้ำน้อยไหลเข้าท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลสามง่าม (หมู่ที่ 1,2) ตำบลบ่อแร่ (หมู่ที่ 1,2) และตำบลโพธิ์รังนก (หมู่ที่ 1,2) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.90 ม.
7) อำเภอสามโก้ มีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรและสิ่งสาธารณประโยชน์ ในพื้นที่ 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลสามโก้ (หมู่ที่ 4, 9-10) ตำบลราษฎรพัฒนา (หมู่ที่ 1-6) ตำบลมงคลธรรมนิมิต (หมู่ที่ 1,3,5,8) ตำบลลอบทม (หมู่ที่ 1,3,4) และตำบลโพธิ์ม่วงพันธ์ (หมู่ที่ 1,2,7) ระดับสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ส่งเรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ 8 ลำ รถผลิตน้ำดื่มเคลื่อนที่ 1 คัน เต็นท์ที่พักอาศัยชั่วคราว จำนวน 120 หลัง
- ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบน้ำดื่ม 20,000 ขวด ถุงยังชีพ จำนวน 6,000 ชุด ให้แก่ผู้ประสบภัย
- สำนักงานธนารักษ์พื้นที่เชียงราย สนับสนุนที่นอนขนาด 6 ฟุต จำนวน 40 หลัง และขนาด 3.5 ฟุต จำนวน 40 หลัง รวมทั้งสิ้น 80 หลัง
- หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษจังหวัดลพบุรีและมณฑลทหารบกที่ 13 จังหวัดลพบุรี พล ป.(ป.พัน 721) กองบิน 2 ช.พัน 1 รอ.(พล.1 รอ.) จัดส่งกำลังพลพร้อมเครื่องจักรกล ระดมเครื่องมือ เรือท้องแบน พร้อมเจ้าหน้าที่ จำนวน 863 นาย ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง (อ.เมือง 603 นาย อ.ป่าโมก 160 นาย อ.ไชโย 100 นาย)
- โครงการชลประทานอ่างทอง สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 16 เครื่อง
- โรงพยาบาลและสำนักงานสาธารณสุขในเขตพื้นที่ได้ออกหน่วยเคลื่อนที่ในพื้นที่ 5 อำเภอ 120 ครั้ง จำนวนผู้รับบริการ 2,821 คน และวัสดุ อุปกรณ์/เคมีภัณฑ์ แจกจ่ายผู้ประสบภัย
3.8 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อยมีระดับสูงขึ้นเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่มริมฝั่งบางจุดใน 6 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอพระนครศรีอยุธยา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ไหลเข้าท่วมในพื้นที่ 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลภูเขาทอง และตำบลบ้านใหม่ ซึ่งอยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วม ระดับน้ำสูง 0.90-1.20 ม.
2) อำเภอบางบาล น้ำในแม่น้ำน้อยได้เอ่อท่วมบ้านเรือนราษฎรริมน้ำ และพื้นที่การเกษตร 16 ตำบล ได้แก่ ตำบลน้ำเต้า (หมู่ที่ 1-8) ตำบลทางช้าง (หมู่ที่ 1-6) ตำบลวัดตะกู (หมู่ที่ 1-9) ตำบลกบเจ้า(หมู่ที่ 1-9) ตำบลบางหลวง (หมู่ที่ 1-5) ตำบลไทรน้อย (หมู่ที่ 1-10) ตำบลบ้านกุ่ม (หมู่ที่ 1-9) ตำบลบางบาล (หมู่ที่ 1-9) ตำบลวัดยม (หมู่ที่ 1-4) ตำบลสะพานไทย (หมู่ที่ 1-5) ตำบลพระขาว (หมู่ที่ 1-7) ตำบลบางหัก (หมู่ที่ 1-8) ตำบลบางหลวงโดด (หมู่ที่ 1-4) ตำบลบางชะนี (หมู่ที่ 1-5) ตำบลบ้านคลัง (หมู่ที่ 1-7) และตำบลมหาพราหมณ์ (หมู่ที่ 1-10) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.10-1.30 ม.
3) อำเภอบางไทร น้ำในแม่น้ำน้อยได้เอ่อท่วมในพื้นที่บ้านเรือนราษฎรริมน้ำ และพื้นที่การเกษตร 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลกระแชง (หมู่ที่ 1,2,3,5) และตำบลช้างน้อย (หมู่ที่ 1-5) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80-1.20 ม.
4) อำเภอผักไห่ ระดับน้ำในแม่น้ำน้อยเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลผักไห่ (หมู่ที่ 2,3,4,11,12) ตำบลท่าดินแดง (หมู่ที่ 1-8) ตำบลบ้านใหญ่ (หมู่ที่ 5,6) และ ตำบลกุฎี (หมู่ที่ 12) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.10-1.50 ม.
5) อำเภอเสนา น้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรใน 7 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองเสนา ตำบลรางจระเข้ (หมู่ที่ 5,6,7) ตำบลบ้านกระทุ่ม (หมู่ที่ 1-9) ตำบลสามกอ (หมู่ที่ 1,2) ตำบล หัวเวียง (หมู่ที่ 1-11) ตำบลบ้านโพธิ์ (หมู่ที่ 1-9) ตำบลบ้านแพน (หมู่ที่ 1-9) และตำบลบางนมโค (หมู่ที่ 1-5) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.70-1.00 ม.
6) อำเภอมหาราช แนวกั้นน้ำประตูน้ำคลองบางแก้ว หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ได้พังประมาณ 20 เมตร ทำให้น้ำได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลบ้านนา ตำบลท่าตอ ตำบลบ้านขวาง ตำบลบ้านใหม่ และตำบลหัวไผ่
การให้ความช่วยเหลือ
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอ/กิ่งอำเภอ เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล และหน่วยงานในพื้นที่ได้เข้าดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
- เหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบถุงยังชีพ ยาและเวชภัณฑ์ จำนวน 1,000 ชุด
- กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดส่งเรือท้องแบน 12 ลำ รถผลิตน้ำดื่ม 1 คัน เข้าช่วยเหลือ
3.9 จังหวัดสุพรรณบุรี มีน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มริมน้ำ 2 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลท่าระหัด ตำบลทับตีเหล็ก ตำบลรั้วใหญ่ ตำบลพิหารแดง ตำบลโพธิ์พระยา ตำบลสนามชัย ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
2) อำเภอบางปลาม้า มีน้ำท่วมในพื้นที่ 13 ตำบล ได้แก่ ตำบลตะค่า ตำบลองค์รักษ์ ตำบลวัดดาว ตำบลสาลี ตำบลจระเข้ใหญ่ ตำบลวังน้ำเย็น ตำบลบางปลาม้า ตำบลบ้านแหลม ตำบลบางใหญ่ ตำบลไผ่กองดิน ตำบลโคกคราม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลกฤษณา ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แจกกระสอบทราย 200,000 ถุง
- กรมชลประทานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ จำนวน 13 เครื่อง สูบน้ำออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี
- องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานในพื้นที่ ได้จัดทำแนวกระสอบทรายกั้นน้ำไหลเข้าพื้นที่ พร้อมสนับสนุนเรือท้องแบน จำนวน 4 ลำ
3.10 จังหวัดปทุมธานี แม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง มีน้ำท่วมพื้นที่ 8 ตำบล ได้แก่ ตำบลบ้านกระแชง (หมู่ที่ 3) ตำบลบ้านกลาง ตำบลบางพูน ตำบลบางขะแยง ตำบลบางคูวัด ตำบลสวนพริกไทย ตำบลบางพูด และตำบลบางกระดี ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
2) อำเภอสามโคก มีน้ำท่วมพื้นที่ 10 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลบางเตย ตำบลสามโคก (หมู่ 1,2,3,4) ตำบลบางกระบือ (หมู่ที่ 1,2,3) ตำบลกระแซง (หมู่ที่ 2) ตำบลคลองควาย (หมู่ที่1,10) ตำบลท้ายเกาะ (หมู่ที่1,2,3) ตำบลเชียงรากใหญ่ (หมู่ที่ 2,3,4,7) ตำบลเชียงรากน้อย(หมู่ที่ 5) ตำบลบ้านงิ้ว (หมู่ที่ 3,4,5) ตำบลบางโพธิ์เหนือ (หมู่ที่ 1,2) และตำบลบ้านปทุม (หมู่ที่ 3,6) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.00 ม. 3) อำเภอคลองหลวง มีน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล ได้แก่ ตำบลคลองหนึ่ง ถึง ตำบลคลองเจ็ด ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.70 ม.
4) อำเภอธัญบุรี มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 1 ตำบล 2 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองรังสิต บริเวณศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เมเจอร์ หมู่บ้านสร้างบุญ ตลาดสุชาติรังสิต และหมู่บ้านรัตนโกสินทร์สองร้อยปี เทศบาลตำบลธัญบุรี มีน้ำท่วมขังภายในชุมชนคลองขวาง ชุมชนเคหะรังสิตคลอง 6 ชุมชนสหกรณ์พัฒนาคลอง 7 สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ และชุมชนคลองหก (หมู่ที่ 1-3) และตำบลบึงยี่โถ (หมู่ที่ 1-4) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 ม.
5) อำเภอลำลูกกา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 8 ตำบล 3 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองคูคต เทศบาลตำบลลำลูกกา เทศบาลตำบลลำไทร ตำบลคูคต ตำบลลาดสวาย ตำบลบึงคำพร้อย ตำบลลำลูกกา ตำบลบึงทองหลาง ตำบลลำไทร ตำบลบึงคอไห และตำบลพืชอุดม ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 ม.
6) อำเภอลาดหลุมแก้ว มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎร 6 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลระแหง ตำบลระแหง ตำบลบ่อเงิน ตำบลลาดหลุมแก้ว ตำบลคลองพระอุดม ตำบลหน้าไม้ และตำบลคูขวาง
การให้ความช่วยเหลือ
- ในวันที่ 11-12 ต.ค.49 จังหวัดปทุมธานี จะได้มอบถุงยังชีพพระราชทานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ ศูนย์ชุมชนเด็กเล็ก เทศบาลบางกระดี จำนวน 500 ชุด วันที่ 12 ต.ค.49 ณ วัดบัวหลวง ตำบลเชียงรากใหญ่ อำภอสามโคก จำนวน 300 ชุด
- จังหวัดปทุมธานี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานี อำเภอ/กิ่งอำเภอ เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล และหน่วยงานในพื้นที่ได้วางกระสอบทราย ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว
3.11 จังหวัดนนทบุรี แม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงขึ้นประกอบกับมีน้ำทะเลหนุนจึงทำให้น้ำเอ่อล้นไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มและบ้านเรือนราษฎรริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งลำคลองสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากเกร็ด เมือง บางบัวทอง ไทรน้อย บางใหญ่ และ บางกรวย
การให้ความช่วยเหลือ
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนนทบุรี ได้นำกระสอบทรายและทราย ไปมอบให้กับอำเภอต่าง ๆ เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ราษฎรในพื้นที่ที่ผู้ประสบภัย จำนวน 163,000 กระสอบ และทราย จำนวน 6,000 คิว และถุงยังชีพ จำนวน 4,500 ชุด
- เทศบาลเมืองบางบัวทอง นำเครื่องสูบน้ำ จำนวน 12 เครื่อง เร่งระบายน้ำ และสำรองไว้อีก จำนวน 15 เครื่อง
- สำนักงานสาธารณสุขอำเภอได้แจกจ่ายยารักษาโรคน้ำกัดเท้าให้ราษฎรที่ประสบภัย
3.12 จังหวัดปราจีนบุรี ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันในช่วงระหว่างวันที่ 4-7 ตุลาคม 2549 ทำให้ในแม่น้ำปราจีนบุรี เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร จำนวน 6 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอกบินทร์บุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังใน 1 เทศบาล 7 ตำบล ได้แก่ เทศบาลตำบลกบินทร์ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม. ตำบลวังตะเคียน (หมู่ที่ 1-3) ตำบลวังดาล (หมู่ที่ 3-8) ตำบลหนองกี่ (หมู่ที่ 1-6,9,10) ตำบลนาแขม (หมู่ที่ 1,2,8) ตำบลกบินทร์บุรี (หมู่ที่ 1,3,5,9,12) ตำบลหาดนางแก้ว และตำบลย่านรี ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
2) อำเภอนาดี เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรพื้นที่การเกษตร ตำบลสำพันตา (หมู่ที่ 3,4,8) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.70-0.80 ม.
3) อำเภอศรีมหาโพธิ ยังคงมีน้ำท่วมขัง 10 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบล ศรีมหาโพธิ ตำบลศรีมหาโพธิ (หมู่ที่ 1-5,7,9) ตำบลกรอกสมบูรณ์ ตำบลหาดยาง (หมู่ที่ 2,4) ตำบลบ้านทาม (หมู่ที่
1-8) ตำบลท่าตูม (หมู่ที่ 1-6,8,9) ตำบลสัมพันธ์ (หมู่ที่ 1-7) ตำบลบางกุ้ง (หมู่ที่ 1-5) ตำบลดงกระทงยาง (หมู่ที่ 1,2,4,6) ตำบลหัวหว้า (หมู่ที่ 1) และตำบลหนองโกรง (หมู่ที่ 1) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-1.00 ม.
4) อำเภอศรีมโหสถ มีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลโคกปีบ (หมู่ที่ 1,3-7) ตำบลโคกไทย (หมู่ที่ 1-3,5,6) ตำบลไผ่ชะเลือด (หมู่ที่ 1-4) และตำบลคู้ลำพัน (หมู่ที่ 1-4) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
5) อำเภอเมือง เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 6 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ ตำบลบางบริบูรณ์ (หมู่ที่ 1-6) ตำบลดงท่างาม (หมู่ที่ 1-12) ตำบลบางเดชะ (หมู่ที่ 1-9) ตำบลวัดโบสถ์ (หมู่ที่ 1-11) ตำบลรอบเมือง (หมู่ที่ 1-5, 7-8) ตำบลดงพระราม (หมู่ที่ 4-5) และเทศบาลตำบลโคกมะกอก (หมู่ที่ 2-4 ,7,11) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.50 ม.
6) อำเภอประจันตะคาม เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 ตำบล ได้แก่ตำบลประจันตะคาม (หมู่ที่ 6-10) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50 ม. ตำบลหนองแสง (หมู่ที่ 4) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20 ม. ตำบลโพธิ์งาม (บริเวณถนนสายปราจีน-ประจันตคามของหมู่ที่ 8,9) ท่วมเป็นช่วง ๆ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปราจีนบุรี เหล่ากาชาดจังหวัด สสจ. อบจ. อบต.มอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม ยาสามัญประจำบ้าน จำนวน 5,022 ชุด เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปราจีนบุรี มทบ.12 กองพลทหารราบที่ 2 รอ. สนับสนุน เรือท้องแบน 17 คัน เครื่องสูบน้ำ 17 เครื่อง รถแมคโค 2 คัน รถยนต์บรรทุก 11 คัน รถยก 1 คัน รถกระเช้า 1 คัน และกำลังพล 370 นาย เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.13 จังหวัดอุดรธานี ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้น้ำจากภูซางไหลลงสู่ห้วยโสม และเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรในที่ลุ่ม ของอำเภอน้ำโสม ในพื้นที่ตำบลโสมเยี่ยม (หมู่ที่ 1) และตำบลหนองแวง (หมู่ที่ 3,8,11)ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม. หากไม่มีฝนตกสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2 วัน
การให้ความช่วยเหลือ
- นายอำเภอ และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุดรธานี ได้จัดส่งเรือท้องแบนจำนวน 2 ลำ ถุงยังชีพ จำนวน 300 ชุด ช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
- องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งให้ความช่วยเหลือแล้ว
3.14 กรุงเทพมหานคร ได้เกิดฝนตกต่อเนื่อง และน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้น ทำให้เกิดน้ำ ท่วมขังใน เขตลาดกระบัง (หมู่บ้านพูนสินธานี 2,3 ถนนหลวงแพ่ง หมู่บ้านเจ้าคุณ หมู่บ้านแฮบบี้เพลส หมู่บ้านวรารมย์) เขตมีนบุรี (หมู่บ้านธนกรทั้ง 2 ฝั่ง ถนนราษฎร์อุทิศเชื่อมถนนสุวินทวงศ์ ถนนเข้าโรงเรียนบึงขวาง บริเวณที่กลับรถใต้สะพานข้ามคลองสามวา หมู่บ้านพนาสนธิ์ 3 ถนนร่มเกล้า บริเวณหน้าหมู่บ้านปริชาติตรงข้าม ร.ร.คุ้มเกล้าสกอล่า ถนนคุ้มเกล้าฝั่งเหนือ-ใต้ วัดใหม่ลำนกแขวก และชุมชนสามัคคีคลองสองต้นนุ่น) เขตหนองจอก (ถนนสังฆประชา ถนนเลียบคลองลำมะขาม-ลำกอไผ่ ถนนเลียบคลองบึงโขล่ ถนนเลียบคลองลำต้นไทร ถนนเลียบคลองลำนกแขวก เคหะฉลองกรุง ถนนเลียบคลองลำแขก ถนนเลียบคลองลำมดตะนอย ถนนซอยแก้วประดับ ถนนเลียบคลองไทรชะมด ถนนเลียบคลองลำตาอินทร์ ถนนนิลเหมนิยม ถนนเลียบคลองลำอีรั้ว ถนนเลียบคลองลำต้นกล้วย ถนนสีชมพู ถนนวิบูลย์สาธุกิจ ถนนเลียบคลองแยกลำต้อยติ่ง ถนนเลียบคลองลำตาเฟื่อง ถนนเลียบคลองลำหินฝั่งใต้ และถนนเลียบคลองกระทุ่มล้มฝั่งตะวันตก) และเขตบางบอน (ซอยเอกชัย 66,76,70 หมู่บ้านรางไผ่ ถ.บางบอน 3 ซอยโรงเรียนวัดศรีนวลนฤมล) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.40 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
- สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ได้วางกระสอบทรายเป็นแนวกั้นน้ำ พร้อมใช้เครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
- กรุงเทพมหานคร และกองบัญชาการทหารสูงสุด ได้จัดส่งกำลังพลพร้อมเครื่องมือ เครื่องจักรกล ดำเนินการขุดลอกคูคลองตามแนวเหนือใต้ของถนนบางนา-ตราด และถนนมอเตอร์เวย์ ประมาณ 20 คลอง เพื่อเปิดทางน้ำไหลให้ระบายน้ำลงอ่าวไทยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
4. สิ่งของพระราชทาน
1) ในวันนี้ (10 ต.ค.49) มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบถุงยังชีพพระราชทาน 1,000 ชุด ให้กับประชาชนผู้ประสบภัย ที่เทศบาลตำบลโพนางดำ และเทศบาลตำบลสรรพยา จังหวัดชัยนาท และในพื้นที่อำเภอเมืองสิงห์บุรี จำนวน 1,000 ชุด
2) ในวันที่ 11 ต.ค.49 มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยการนำของ รองเลขาธิการ (นายดิสธร วัชโรทัย) และคณะฯ มอบถุงยังชีพพระราชทาน 4,000 ชุด โดยมอบที่จังหวัดอ่างทอง 2,000 ชุด และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2,000 ชุด
5. การติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
- ในวันนี้ (10 ต.ค.49) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายอารีย์ วงศ์อารยะ) รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (นายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ) อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายอนุชา โมกขะเวส) อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจสถานการณ์อุทกภัยที่ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง มอบสิ่งของช่วยเหลือ จำนวน 3,000 ชุด และเดินทางเข้าประชุมฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัย ของจังหวัดอ่างทอง ร่วมกับผู้บัญชาการทหารบก ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน) ณ ศาลากลางจังหวัดอ่างทอง หลังเสร็จการประชุมไปตรวจสภาพพื้นที่ และการปฏิบัติงานของทหารในเขตเทศบาลเมืองอ่างทอง จากนั้นเดินทางไปยังมัสยิดดารอยน์ ตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา มอบอาหารฮาราล และเงินให้กับคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด คณะกรรมการประจำมัสยิด รวม 22 หน่วยงาน และมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,000 ชุด
6. การสนับสนุนให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัยของหน่วยงาน
1) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ระดมกำลังเครื่องจักรกล ยานพาหนะ เครื่องมืออุปกรณ์ และเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯเขตต่าง ๆ เข้าไปช่วยเหลืองและฟื้นฟูบูรณะในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ดังนี้
1.1 ด้านการกู้ภัย
- รถกู้ภัยอเนกประสงค์ 16 คัน รถขุดไฮดรอลิค (แบคโฮ) 3 คัน
1.2 ด้านการช่วยเหลือและฟื้นฟูบูรณะ
- รถบรรทุกขนาดใหญ่ 7 คัน รถบรรทุกน้ำ 3 คัน
- รถบรรทุกเทท้าย 17 คัน รถบรรทุกติดตั้งเครน 10 คัน
- รถบรรทุกแบบตู้คอนเทนเนอร์ฯ 1 คัน รถแทรกเตอร์ตีนตะขาบ 2 คัน
- รถตักล้อยาง 3 คัน รถเกลี่ยดิน 3 คัน
- รถผลิตน้ำดื่ม 2 คัน เครื่องสูบน้ำ 7 เครื่อง
- เรือท้องแบน 132 ลำ เต็นท์ยกพื้น 177 หลัง
1.3 ด้านการสนับสนุนการปฏิบัติ
- รถตรวจการ,สื่อสาร 5 คัน รถกระบะเล็ก,รถตู้ 25 คัน
- เลื่อยโซ่ยนต์ 10 เครื่อง
1.4 เจ้าหน้าที่ 560 คน
1.5 แจกจ่ายถุงยังชีพ 62,500 ชุด
2) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประสบอุทกภัย ทั้ง 46 จังหวัด ให้ประสานสถานศึกษาวิทยาลัยอาชีวะ วิทยาลัยการอาชีพในพื้นที่ จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ช่วยเหลือซ่อมแซม เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เครื่องมืออุปกรณ์การเกษตร รถจักรยานยนต์ รถยนต์ รวมทั้งบ้านที่ได้รับความเสียหาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย
3) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้ประสานงานให้ นขต.ศบภ.ทบ. จัดกำลังพล จำนวน 2,584 นาย รถบรรทุก จำนวน 105 คัน เรือท้องแบน 17 ลำ และยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ดำเนินการให้การช่วยเหลือในพื้นที่ประสบอุทกภัยในทุกพื้นที่
4) สื่อมวลชนทุกแขนง (วิทยุ,โทรทัศน์) เผยแพร่ประชาสัมพันธ์แก่ประชาชน
7. ปริมาณน้ำฝน ตั้งแต่ 07.00 น วันที่ 9 ต.ค.49 ถึง 07.00 น วันที่ 10 ต.ค.49 วัดได้ ดังนี้
จังหวัดเพชรบูรณ์ (อ.หล่มสัก) 109.8 มม. (อ.หนองไผ่) 98.5 มม.
จังหวัดแพร่ (อ.หนองม่วงไข่) 97.0 มม. (อ.สอง) 90.0 มม.
จังหวัดพิษณุโลก (อ.พรหมพิราม) 80.0 มม. (อ.วังทอง) 80.0 มม.
จังหวัดหนองคาย (อ.ท่าบ่อ) 130.4 มม. (อ.เมือง) 89.8 มม.
จังหวัดอุดรธานี (อ.วังสามหมอ) 120.0 มม. (อ.กุดจับ) 93.5 มม.
จังหวัดกาฬสินธุ์ (อ.กุฉินารายณ์) 81.2 มม. (อ.คำม่วง) 81.0 มม.
จังหวัดชัยภูมิ (อ.หนองบัวระเหว) 80.1 มม. (อ.จัตุรัส) 69.1 มม.
จังหวัดสุพรรณบุรี (อ.สามชุก) 74.1 มม. (อ.ดอนเจดีย์) 63.4 มม.
จังหวัดนครสวรรค์ (อ.เก้าเลี้ยว) 61.4 มม.
จังหวัดปทุมธานี (อ.คลองหลวง) 112.2 มม.
กรุงเทพมหานคร (เขตบางเขน) 163.0 มม.
8. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (ข้อมูลวันที่ 10 ต.ค. 49)
- เขื่อนภูมิพล ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 13,151 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 301 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็น ร้อยละ 98 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
- เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาตรน้ำในอ่าง 9,284 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 226 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็น ร้อยละ 98 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
- อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ปริมาตรน้ำ 548 ล้าน ลบ.ม. (รับน้ำได้อีก 162 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 77 ของความจุ มีการระบายน้ำ จำนวน 104.00 ลบ.ม./วินาที และระบายน้ำโดยวิธีกาลักน้ำได้ 3.30 ลบ.ม./วินาที (วางท่อ 10 แถว) รวมระบายน้ำทั้งหมด 107.30 ลบ.ม./วินาที เพื่อพร่องน้ำในอ่างฯไว้รอรับน้ำหลากในช่วงฝนชุก
9. สภาพน้ำเจ้าพระยา
9.1 วันที่ 10 ต.ค.49 มีปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ จำนวน 4,595 ลบ.ม./วินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จำนวน 2,901 ลบ.ม./วินาที และมีปริมาณน้ำระบายจากเขื่อนพระรามหก จำนวน 572 ลบ.ม./วินาที ทำให้ปริมาณน้ำที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีจำนวน 3,473 ลบ.ม./วินาที ทำให้เกิดผลกระทบในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นพื้นที่น้ำท่วมเหมือนกับทุกๆ ปีที่เคยเกิด (กรณีปริมาณน้ำเจ้าพระยาไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเกิน 2,500 ลบ.ม./วินาที จะทำให้น้ำท่วม อ.สรรพยา จ.ชัยนาท สองฝั่งเจ้าพระยาของ จ.สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล)
๐สถิติการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจังหวัดชัยนาท เมื่อคราวเกิดอุทกภัยเมือปี 2538 และปี 2545
- 5 ต.ค.2538 ระบายน้ำสูงสุด 4,557 ลบ.ม./วินาที
- 10 ต.ค.2545 ระบายน้ำสูงสุด 3,950 ลบ.ม./วินาที
9.2 ในพื้นที่ทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่างได้มีการระบายน้ำและสูบน้ำลงแม่น้ำนครนายก วันละ 0.75 ล้าน ลบ.ม. ระบายและสูบน้ำลงแม่น้ำบางปะกง วันละ 5.37 ล้าน ลบ.ม. ระบายและสูบออกทะเล วันละ 20.84 ล้าน ลบ.ม. และในพื้นที่ทุ่งฝั่งตะวันตกมีการระบายน้ำและสูบน้ำออกสู่แม่น้ำท่าจีนวันละ 8.95 ล้าน ลบ.ม.ระบายน้ำและสูบผ่านคลองมหาชัย 1.57 ล้าน ลบ.ม. ส่วนในแม่น้ำเจ้าพระยามีโครงการคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้มีการเปิด-ปิดบานโดยการระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้เร็วขึ้น ซึ่งจะเปิดบานระบายน้ำในช่วงน้ำทะเลลง และปิดบานระบายน้ำในช่วงน้ำทะเลขึ้น โดยวันนี้ (10 ต.ค.49) สามารถระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำคลอง ลัดโพธิ์ลงแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง จำนวน 13.00 ชั่วโมง โดยมีปริมาณน้ำผ่านสูงสุด ประมาณ 437.84 ลบ.ม./วินาที
10. จากการตรวจสอบสภาวะฝนจากสถานีเรดาร์อุตุนิยมวิทยา ในวันนี้ (10 ต.ค.49) เวลา 17.30 น. พบ กลุ่มฝนกำลังอ่อนถึงปานกลาง ปกคลุมพื้นที่บางส่วนของ 27 จังหวัด ได้แก่จังหวัดเชียงราย น่าน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร เลย หนองบัวลำภู ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร สระบุรี ฉะเชิงเทรา ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา สงขลา และยะลา
11. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 10 ตุลาคม 2549 เวลา 17.00 น.
ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออกมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและภาคใต้ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ลุ่มบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และพัทลุง ระมัดระวังอันตรายภัยจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ สำหรับประชาชนบริเวณจังหวัดตาก เชียงใหม่ แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ยังคงต้องระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมต่อไปอีก
12. สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประกาศแจ้งเตือนให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1-12 และรวมทั้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ที่คาดว่าจะเกิดภัยให้เตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยจัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานงานกับ อำเภอ กิ่งอำเภอ
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้นในจังหวัดใด ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ฯ ที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนั้นจัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรกลเข้าสนับสนุนทันที
13. ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากมีสถานการณ์คืบหน้าประการใด จักได้ติดตามและรายงานให้ทราบต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ