กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--สหมงคลฟิล์ม
กวาดรางวัลจากการประกวดภาพยนตร์สั้นมาหลายเรื่องจากหลายสถาบัน และอยู่เบื้องหลังด้านการโปรโมทภาพยนตร์ต่างๆ ในฐานะครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์มาเป็นเวลานาน จนเข้าตาโปรดิวเซอร์ใหญ่อย่าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว (องค์บาก, ต้มยำกุ้ง) และอ๊อด บัณฑิต ทองดี (เฮี้ยน, มนุษย์เหล็กไหล) มอบหน้าที่ให้ “เหลิม”
พัชนนท์ ธรรมจิรา มานั่งเก้าอี้ผู้กำกับหนังระทึกขวัญเรื่องใหม่ของค่ายสหมงคลฟิล์ม โคลิค..เด็กเห็นผี แสดงนำโดย พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์ เจ้าของรางวัลสุพรรณหงส์และ “อั๋น” วิทยา วสุไกรไพศาล หนุ่มคลีโอประจำปี 2548 แต่เรื่องแรกก็ทำเอาผู้กำกับเหลิมปาดเหงื่อกันซะแล้วเพราะนอกจากจะต้องจับจังหวะอารมณ์ของคนดูให้ตื่นเต้นตามเนื้อเรื่องแล้ว ก็ยังต้องกำกับ เด็ก เอฟเฟค อีกเพียบ เพราะเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับเด็กวัยแรกเกิดที่เป็นโรคโคลิคหรือการร้องไห้ทุกวันในเวลาเดียวกันแบบหาสาเหตุไม่ได้ แต่เด็กคนนี้กลับไม่ได้เป็นโคลิคเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ซ้ำยังเป็นหนักกว่าคนอื่นและทุกครั้งที่ร้องไห้ก็มักจะมีอะไรบางอย่างคุกคามครอบครัวนี้อยู่ การทำงานในเรื่องนี้เลยต้องให้เด็กที่มารับบทเป็นน้องปั้นที่เป็นโรคโคลิค ร้องไห้แบบรุนแรงตลอดทั้งเรื่อง ผู้กำกับจึงต้องหาวิธีการต่างๆ เพื่อให้ได้ภาพอย่างที่ต้องการ และต้องพึ่งเทคนิคพิเศษเพื่อแสดงให้เห็นถึงสิ่งลึกลับต่างๆ ซึ่งผู้กำกับได้พูดถึงความยากของการทำงานในครั้งนี้ว่า
“ก่อนหน้ามากำกับภาพยนตร์ ผมทำงานเกี่ยวกับเบื้องหลัง การโปรโมทภาพยนตร์ รับผิดชอบในการทำโปสเตอร์ ตัวอย่างหนัง รายการเฉพาะกิจเบื้องหลังภาพยนตร์ครับ จากการที่เราคลุกคลีเกี่ยวกับการโปรโมท เราก็จะได้เห็นหนังหลากหลายสไตล์ของหลายๆ ผู้กำกับ ของหนังไทยหลายๆ แบบ ความคิดในตอนนั้นเวลาเราดูหนังบางเรื่องเรารู้สึกว่าหนังเรื่องนั้นยังขาดตรงนู้นนะ หนังเรื่องนี้ยังไม่ดี ขาดนู้นขาดนี้ พอมาถึงวันนี้ได้ทำเอง สนุกเลยครับ เข้าใจเลยว่าทำไมหนังบางเรื่องถึงทำได้แค่นั้น หนังบางเรื่องเป็นได้แค่นี้ เพราะว่าหนังเป็นอะไรที่ยากครับ บางทีเราไม่รู้หรอกว่าวันนี้ออกกองไปเราจะเจออะไร เราไม่รู้ว่าวันนี้ปัญหาจะมีกี่อย่างที่จะต้องให้แก้
ปัญหาในการทำงานที่ชัดที่สุดในหนังเรื่องนี้น่าจะเป็นการร่วมงานกับน้องที่เป็นเด็กๆ เพราะว่าเราควบคุมน้องไม่ได้ เราไม่รู้ว่าน้องจะร้องไห้หรือเปล่า จะร้องไห้เมื่อไหร่ บางครั้งเราต้องการให้น้องหลับ น้องก็ไม่หลับ ไม่เหนื่อย เค้ากำลังวิ่งเล่นกำลังมีความสุข ทีมงานก็ต้องพาไปวิ่งให้เหนื่อย พาไปนั่งรถเย็นๆ ให้กินขนม ให้อิ่ม ต้องรอจนกว่าน้องเค้าจะหลับ หรือบางทีอยากให้น้องเค้าร้องไห้ น้องก็เกิดไม่ร้องขึ้นมา พอถึงเวลาถ่ายจริงก็ต้องรอจนกว่าจะอารมณ์บูด ก็ต้องให้ผู้ปกครองแหย่ให้อารมณ์เสีย คือมันเป็นอะไรที่แบบไม่สามารถบอกว่า ขอสิบแล้วก็ได้สิบไม่มีทาง ขอไปสิบแล้วบางทียังไม่รู้เลยว่าจะออกสิบหรือเปล่า คาดเดาไม่ได้ เราต้องรอให้เค้าให้เรามาเท่านั้น นั่นแหละคือปัญหาสำคัญกับการทำงานของหนังเรื่องนี้ครับ ส่วนเรื่องเทคนิคต่างๆ ก็ยากครับเนื่องจากเรื่องนี้มันมีพวกวิญญาณหรือพวกสิ่งลึกลับมารังควานครอบครัวนี้อยู่ เราก็ต้องทำและคิดในส่วนเหล่านี้ด้วยเราก็เลยต้องมีพวกการใช้เอฟเฟคต่างๆ เข้ามาช่วยให้มันสมจริงมากขึ้น เช่นฉากที่มีไฟไหม้ ฉากระเบิด ฉากอุบัติเหตุที่พวกผีเค้าทำอะไรอย่างงี้ครับ ผมก็ต้องศึกษาและคอยปรึกษากับโปรดิวเซอร์กับคนอื่นๆ ซึ่งก็คอยช่วยคิดค้นหาวิธีการทำให้มันดีที่สุดครับ”
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net