กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--ททท.
นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เป็นที่น่ายินดีที่นาย Elie Samaha ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เรื่อง Crash Bandits เลือกที่จะมาถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ในประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยใช้ทุนการสร้างถึง 6,000 ล้านบาท นำแสดงโดย Hayden Christensen นักแสดงดาวรุ่งจากภาพยนตร์เรื่อง Star Wars สืบเนื่องจากการดำเนินงานโครงการภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพซึ่งมีวัตถุประสงค์ ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมภาพยนตร์แห่งเอเชีย ดึงดูดเชิญชวนผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ระดับโลกให้เดินทางมาร่วมงาน และกระตุ้น ให้ผู้ผลิตภาพยนตร์นานาชาติสนใจมาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ส่งเสริมการตลาดสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศให้เดินทางมาประเทศไทยเพิ่มมากยิ่งขึ้น ระหว่างการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯปี 2547 ได้โน้มน้าว เชิญชวนให้นาย Elie Samaha ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์จากฮอลิวูดซึ่งเดินทางมาร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ มาถ่ายทำภาพยนตร์ในเมืองไทยนับเป็นการประสบความความสำเร็จอย่างยิ่งที่อีก 2 ปีต่อมา นาย Elie Samaha ได้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Crash Bandits ซึ่งภาพยนตร์นี้จะถ่ายทำในกรุงเทพ เชียงใหม่ และภูเก็ต Crash Bandits เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยเกี่ยวกับ ทีมนักล่าสมบัติซึ่งคอยค้นหาสมบัติที่สูญหายในเขตป่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทีมนักล่าสมบัติเหล่านี้ต้องต่อสู้กับเหล่าร้ายฝ่ายตรงข้ามและต่อสู้กันเองด้วยเพื่อค้นหาสมบัติให้เจอ กำกับการแสดงโดย John McTiernan ผู้กำกับชื่อดังซึ่งมีชื่อเสียงอย่างยิ่งจากการกำกับภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงอย่างเรื่อง DIE HARD หรือหนังดังอย่างเรื่อง THE THOMAS CROWN AFFAIR, THE HUNT FOR RED OCTOBER และ PREDATOR Elie Samaha ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ Crash Bandits ได้กล่าวว่า "คุณจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการ ททท. ได้ประสานงานให้ข้อมูลทุกอย่างที่จำเป็นในการเตรียมการสร้างภาพยนตร์ที่ซับซ้อนเรื่องนี้ และการที่วงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ประเทศไทยเหมาะสมที่สุดในภูมิภาคนี้ สำหรับการสร้างภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ Crash Bandits" นางจุฑามาศ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มประเทศไทยได้รับเลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ (Film Location) มีมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความพร้อมด้านต่างๆ ของประเทศไทย อาทิ ค่าแรงงานที่มีคุณภาพแต่ไม่แพงสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆได้ ค่าเงิน ค่าใช้จ่ายถูก ประกอบกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เทคโนโลยี อุปกรณ์ด้านการผลิตภาพยนตร์ของประเทศไทยก็มีการพัฒนาเป็นอย่างมาก ตลอดจนทัศนียภาพ ภูมิประเทศที่สวยงาม ซึ่งเหมาะสมสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ ทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์สนใจที่จะมาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากประเทศไทยพัฒนา one stop service สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ในเมืองไทยได้เสร็จเรียบร้อยก็จะยิ่งสามารถอำนวยความสะดวกให้กับผู้สร้างภาพยนตร์ให้สามารถถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยได้สะดวกมากยิ่งขึ้น การสร้างภาพยนตร์ในประเทศไทยจึงมีแนวโน้มที่ดี โดยจำนวนและรายได้ ปี 2548 ที่ผ่านมามีจำนวนภาพยนตร์มาถ่ายทำทั้งสิ้น 497 เรื่อง ก่อให้เกิดรายได้ทั้งสิ้น 1,138.37 ล้านบาท เป็น Documentary จำนวน 248 เรื่อง Advertising จำนวน188 เรื่อง Feature Film จำนวน 21 เรื่อง TV Series จำนวน 13 เรื่อง Music Video จำนวน 27 เรื่อง
แหล่งข่าว กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ททท. โทร.0-2250-5500 ต่อ 1551
Web Site : ข่าวประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
http://www.tat.or.th/pr--จบ--