กรุงเทพฯ--29 ธ.ค.--สสวท.
เมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดการประชุมวิชาการ “การนำเสนอผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์โลกทั้งระบบ ระดับโรงเรียน ครั้งที่ 2” ของนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ณ โรงแรมวรบุรี อโยธยา คอนเวนชั่นรีสอร์ท จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
การประชุมวิชาการดังกล่าว มีครูและนักเรียนในโครงการของ GLOBE (Global Learning and Observation to Benefit the Environment) ร่วมกิจกรรมประมาณ 150 คน ขณะนี้ GLOBE มีโรงเรียนกว่า 23,159 แห่งใน 112 ประเทศสมาชิก ประเทศไทยมีโรงเรียนทั่วประเทศเป็น
สมาชิกแล้ว 253 แห่ง และได้มีการสร้างเครือข่ายกับสถาบันอุดมศึกษาและมหาวิทยาลัยราชภัฎ
งานนี้มีการนำเสนอผลงานผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์โลกทั้งระบบของนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ในรูปแบบของการนำเสนอปากเปล่าและการนำเสนอผลงานในรูปแบบของโปสเตอร์ กว่า 50 เรื่อง ซึ่งมีครูและนักเรียนจากประเทศลาว และประเทศอินเดียมาร่วมนำเสนอผลงานด้วย
นักเรียนแต่ละภูมิภาคได้ทำวิจัยเกี่ยวกับท้องถิ่นของตน เรื่องราวเหล่านี้ล้วนแต่เชื่อมโยงกับปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก ที่มีผลกระทบต่อทุกผู้คน ในทุกส่วนของโลก เช่น นักเรียนชั้น ม. 5 โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย บุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ โดยนายอนันต์ ยืนยาวและคณะ ทำวิจัยเรื่อง การใช้แพลงก์ตอนพืชเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพของคุณภาพน้ำในแม่น้ำมูล อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ พบว่า น้ำในลำน้ำมูลจัดเป็นแหล่งน้ำผิวดินประเภทที่ 2 น้ำดี มีท่อระบายน้ำจากแหล่งชุมชนลงสู่ลำน้ำ และพบแพลงก์ตอนพืช 17 ชนิด
นายสิริเชษฐ์ จันทร์ศักดิ์รา ชั้น ม. 5 และคณะจากโรงเรียนวิเชียรมาตุ จังหวัดตรัง ทำการศึกษาความเสื่อมโทรมและความหลากหลายของปะการังบริเวณเกาะไหง และเกาะม้า หมู่เกาะทะเลใต้แถบชายฝั่งอันดามัน จังหวัดตรัง จึงพบว่า ความหลากหลายของปะการังบริเวณเกาะม้ามีมากกว่าเกาะไหง โดยเกาะม้าเหลือปะการังที่ยังมีชีวิตร้อยละ 61.00 เกาะไหงมีร้อยละ 58.62
นายสุรสิทธิ์ และคณะนักเรียนชั้น ม. ปลาย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ ทำการศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยทางกายภาพที่เหมาะสมกับชนิด และจำนวนของเด็กป่าที่พบฝนบริเวณป่ารอบโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ พบว่า บริเวณที่ศึกษาพบเห็ดป่าทั้งสิ้น 75 ชนิด จำแนกชื่อได้ 66 ชนิด ไม่ทราบชื่อ 9 ชนิด ซึ่งมีเห็ดกินได้ 34 ชนิด เห็ดที่ไม่มีข้อมูลว่ากินได้หรือไม่ 33 ชนิด เห็ดพิษ 8 ชนิด เห็ดที่พบแต่ละชนิดมีปัจจัยทางกายภาพที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตที่เฉพาะและแตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่ เจริญเติบโตในดินที่มีค่า pH ตั้งแต่ร้อยละ 6.50-7.00 ความชื้นของดินโดยมวลระหว่างร้อยละ 11.23-49.93 อุณหภูมิพื้นดินและอากาศ ตั้งแต่ 24-29 และ 25-30 องศาเซลเซียสตามลำดับ
นายวรพันธ์ พุทธศักดา และคณะนักเรียนชั้น ม. 5 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ทำการศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อการผลิตาของต้นประดู่บ้าน บริเวณโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ซึ่งเขากล่าวว่า “จากการศึกษายังพบว่าสภาพภูมิอากาศของวันแรกที่เกิดการผลิตาใบในแต่ละปีมีค่าใกล้เคียงกัย ซึ่งเป็นสัญญานที่แสดงให้เห็นว่าช่วงฤดูหนาวมีระยะเวลาสั้นลง และย่างเข้าสู่ ฤดูร้อนเร็วขึ้น ทำให้ต้นประดู่บ้านตอบสนองโดยการผลิตาใบเร็วขึ้น”
เด็กชายสมเกียรติ มณีรัตนพันธุ์ ชั้น ป. 5/1 โรงเรียนเทศบาลวัดปากน้ำ จ. ระยอง กล่าวว่า ทีมของผมได้ศึกษาคุณสมบัติของน้ำทะเลที่มีผลต่อการแพร่กระจายของตัวเคย บริเวณชายหาดปากน้ำระยอง เนื่องจากเดี๋ยวนี้มีการพบตัวเคยน้อยมาก จึงได้ทำวิจัยตั้งแต่เดือนมิถุนายน — ธันวาคม 2552 โดยได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจาก สสวท.ทำให้ได้เรียนรู้จากทรัพยากรในท้องถิ่นของตนมากขึ้น
บอร์นาลี มุเคอร์จี (Bornali Mukherjee) นักเรียนชั้น ม. ต้น จากโรงเรียนเซนต์ปอล, เดลี, ประเทศอินเดีย (St. Paul’s School, Delhi, India) กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้สอนให้ฉันเห็นความสำคัญของการลดมลพิษและการมีสิ่งแวดล้อมที่ดี และฉันยังได้สิ่งที่โรงเรียนต่าง ๆ พยายามทำเพื่อให้โลกใบนี้มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น พร้อมทั้งบอกด้วยว่า “ประทับใจการที่ได้เห็นกิจกรรมต่าง ๆ ที่นักเรียนร่วมกันทำด้วยความตั้งใจและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น และเกิดความรู้สึกตระหนักว่าสิ่งแวดล้อมที่ดีมีความสำคัญกับเราทุกคนมากแค่ไหน”
อาจารย์อาริศรา อรรคธร ครูวิทยาศาสตร์ โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน จ.ขอนแก่น กล่าวถึง ภาพรวมของงานวิจัยที่นักเรียนโรงเรียนต่าง ๆ ที่มาร่วมนำเสนอในงานนี้ว่า งานวิจัยของเด็ก ๆ มีแนวคิดที่ดีในเรื่องของการใช้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตรืและการประยุกตฺใช้เครื่องมือ และผลงานวิจัยมีประโยชน์ต่อชุมชน ในแง่ของครูที่มาร่วมงานนี้ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลที่มีอยู่ทั่วประเทศ ในแง่ของการสร้างรูปแบบการสอนจากการปฏิบัติจริงนอกสถานที่
“โลกที่เราอยู่มีหลายระบบรวมกันเป็นโลก 1 ในการศึกษาวิจัยและเรียนรู้โลกในโครงการ GLOBE ก็เท่ากับว่าเราศึกษาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเราเอง โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งอยากให้เพื่อนครูลองปรับเปลี่ยนวิธีการสอนมาใช้แนวทางของ GLOBE ดู ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิบัติจริงสู่แหล่งเรียนรู้ใกล้ตัวเรา เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในชั้นเรียนของเราให้ดีขึ้น” อาจารย์อาริศรากล่าว
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ GLOBE ได้ที่ www.ipst.ac.th/globe
โดยสินีนาฎ ทาบึงกาฬ ส่วนประชาสัมพันธ์ สสวท.