กรุงเทพฯ--30 ธ.ค.--คต.
นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 (ม.ค.- ก.ย.) ไทยส่งออกไปยังกลุ่มประเทศรัสเซียและ CIS ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) เพียงมูลค่า 88.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ ตลาดดังกล่าวยังมีศักยภาพในการนำเข้าอีกมาก สินค้าสำคัญที่มีการใช้สิทธิฯ GSP สูง ได้แก่ ข้าว (ร้อยละ 32 ของการใช้สิทธิรวม) ผัก/ผลไม้ปรุงแต่ง (ร้อยละ 12) ข้าวโพดหวานปรุงแต่ง (ร้อยละ 11) สับปะรดกระป๋อง (ร้อยละ 10) และกุ้งปรุงแต่ง (ร้อยละ 4) เป็นต้น
กลุ่ม CIS (Commonwealth of Independent States) คือ รัฐอิสระต่างๆ ที่แยกออกมาจากสหภาพโซเวียตรัสเซีย ซึ่งมีจำนวน 11 ประเทศ ประกอบด้วยประเทศ Russia, Armenia, Azerbaijan, Belarus, Georgia, Kazakhstan, Kyrgyzstan, Moldova, Tajikistan, Ukraine และ Uzbekistan ได้ให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ “GSP” แก่ประเทศไทยมาเป็นระยะเวลานานกว่า 40 ปี ในกลุ่มสินค้าเกษตรและกลุ่มอุตสาหกรรมจำนวนหลายรายการ โดยไม่มีการจำกัดโควตาหรือเพดานในการให้สิทธิฯ แต่จะลดหย่อนภาษีนำเข้าลงจากอัตราปกติร้อยละ 25
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การค้าระหว่างไทยกับประเทศในกลุ่ม CIS นั้น ไทยมีการส่งออกและใช้สิทธิไปยังประเทศรัสเซียสูงที่สุด จึงนับได้ว่ารัสเซียเป็นประเทศที่โดดเด่นและเป็นประตูการค้าสำคัญที่จะสามารถกระจายสินค้าจากรัสเซียไปยังกลุ่มประเทศ CIS อื่นๆ ได้อีกถึง 10 ประเทศ โดยเฉพาะยูเครนซึ่งเป็นประเทศหน้าด่านระหว่างรัสเซียกับสหภาพยุโรปและยังเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าสู่สหภาพยุโรปได้อีกทางหนึ่ง ดังนั้น ผู้ส่งออกไทยควรใช้แต้มต่อที่มากกว่าคู่แข่งทางการค้าในการได้รับสิทธิพิเศษลดหย่อนภาษีจากสิทธิฯ GSP เพื่อขยายการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าวให้มากขึ้น
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ โทร. 1385 หรือ สำนักสิทธิประโยชน์ทางการค้า โทร. 0 2547 4872