IHL มั่นใจยอดขายไตรมาส 2- 3 ยังโต ออร์เดอร์ทั้งใน-นอกประเทศรออยู่เพียบ

ข่าวทั่วไป Wednesday May 31, 2006 15:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมูนิเคชั่น
"อินเตอร์ไฮด์" เร่งคุมต้นทุน รักษาอัตรากำไรในไตรมาส 2-3 "องอาจ" เผยยังมีรถอีกหลายรุ่น หลายค่าย อยู่ในมือ แถมมีแววได้งานจากลูกค้าต่างชาติอีก มั่นใจยอดขายปีนี้โตตามเป้า ชี้ราคาหุ้นลดลงตามภาวะตลาด
นายองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) หรือ IHL เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ บริษัทฯ ยังได้รับเป็นผู้ผลิตเบาะหนังและชิ้นส่วนหนังให้กับรถยนต์อีกหลายรุ่น เช่น รถยนต์นิสสัน จำนวน 2 รุ่น รถยนต์มิตซูบิชิ รวมทั้งโตโยต้ารุ่นใหม่
"จากออเดอร์ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าของบริษัทฯ ทำให้เชื่อว่ายอดขายในไตรมาสที่ 2 ก็น่าจะยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี ส่วนในด้านของต้นทุนการผลิตที่เป็นตัวกดดันกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 1 นั้น น่าจะถือว่าเป็นช่วงของต้นทุนที่สูงที่สุดแล้ว และบริษัทก็มีนโยบายจะลดต้นทุนลงมาอีก เพื่อรักษาอัตรากำไรของบริษัทฯ ให้ดีต่อไป" นายองอาจกล่าว
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีลูกค้าจากต่างประเทศหลายรายได้แสดงความสนใจที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น จากสหรัฐอเมริกา ปากีสถาน อินเดีย เป็นต้น ทั้งนี้ หากบริษัทฯ รับผลิตสินค้าให้กับลูกค้าต่างประเทศเหล่านี้ก็จะต้องใช้กำลังการผลิตจากโรงงานใหม่เข้ามารองรับ ซึ่งก็สอดคล้องกับการก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 6 ที่จะแล้วเสร็จในปลายปีนี้
"ลูกค้าต่างประเทศที่ได้เจรจากันมาระยะหนึ่งแล้ว ก็มีแนวโน้มที่ดี และบางรายก็ได้ส่งตัวแทนเข้ามาดูกระบวนการผลิตที่โรงงานของอินเตอร์ไฮด์แล้ว ซึ่งลูกค้าก็พอใจมาก ทั้งในเรื่องมาตรฐานของการผลิตและคุณภาพของสินค้าที่ได้มาตรฐานสากล" นายองอาจกล่าวและยังคงให้ความมั่นใจว่า ยอดขายของบริษัทในปี 2549 นี้ จะยังคงมีการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือเติบโตประมาณ 35%
ทั้งนี้ ในส่วนของการผลิตสินค้าป้อนลูกค้าต่างประเทศนั้น ก็เช่นเดียวกับลูกค้าในประเทศ คือหากผลิตให้รถยนต์รุ่นใดก็จะผลิตให้ทั้งรุ่น ดังนั้นจึงยังบอกไม่ได้ว่าจะมีรายได้เข้ามาเท่าไร เพราะยอดสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้นตามยอดการผลิตของรถในรุ่นนั้น ๆ
"สำหรับราคาของหุ้นของบริษัทที่ลดลงจากที่เคยสูงกว่า 20 บาท เหลือไม่ถึง 17 บาทในปัจจุบันนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลกระทบของสภาพตลาดหุ้นโดยรวมที่ดัชนีปรับลดลง อีกส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนักลงทุนกังวลเมื่อเห็นกำไรในไตรมาสที่ 1 ของบริษัทฯ ลดลง แต่ถ้าดูให้ดีๆ จะเห็นว่ายอดขายเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และหากบริษัทฯ ควบคุมต้นทุนในไตรมาสต่อๆ ไปได้ ก็น่าจะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น" นายองอาจกล่าว
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : กฤติยาพร พลตรี ( บุ๋ม )
โทร.02-643-1191-2 มือถือ 09-6368414

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ