ภาพรวมการซื้อขาย ปี 2552 ปรับตัวดีขึ้น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 63 จากต้นปี

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 4, 2010 07:37 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ม.ค.--ตลท. นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ในปี 2552 นี้ นับว่ามีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายตั้งแต่ช่วงต้นปี ทั้งปัจจัยด้านการเมืองและเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีการปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี โดยภาพรวมการซื้อขายหลักทรัพย์ของปี 2552 ดีขึ้นกว่าปี 2551 ทั้งราคาและมูลค่าการซื้อขาย โดย ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2552 ซึ่งเป็นวันทำการสุดท้ายของปี 2552 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET Index) ปิดที่ 734 จุด เพิ่มขึ้นจากจุดปิด ณ สิ้นปี 2551 ถึงร้อยละ 63โดยจุดสูงสุดของปีอยู่ที่ระดับ 751.86 และต่ำสุดที่ระดับ 411.27 สำหรับมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 17,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 เมื่อเทียบกับปี 2551 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai Index) ปิดที่ระดับ 215.3 จุด หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 จากปีก่อนหน้า โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 372 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับปี 2551 ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ mai อยู่ที่ 39,130 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 77 จากปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ณ วันที่ 29 ธ.ค. 2552 กลุ่มผู้ลงทุนที่มีการซื้อสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ฯ มากที่สุด คือกลุ่มผู้ลงทุนต่างประเทศ มียอดซื้อสุทธิ 38,498 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2551 ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 162,346 ล้านบาท ส่วนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปี 2552 ซื้อสุทธิ 1,850 ล้านบาท ในขณะที่ผู้ลงทุนทั่วไปในประเทศขายสุทธิ 36,759 ล้านบาท และผู้ลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 3,589 ล้านบาท สำหรับการเข้าจดทะเบียนในปี 2552 มีบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่รวม 17 บริษัท (SET 6 บริษัท mai 11 บริษัท) โดยบริษัทจดทะเบียนใหม่มีการระดมทุนรวม 6,170 ล้านบาทผ่านการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ณ ราคา IPO) ของบริษัทเข้าใหม่ 30,264 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนทั้งหมดมีการระดมทุน (SET และ mai ไม่รวมบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่) รวม 23,405 ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ปี 2552 เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 มาอยู่ที่ 5.91 ล้านล้านบาท (ณ 30 ธ.ค.52) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 65 นางภัทรียากล่าวว่า ในปี 2553 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงเดินหน้าตามกรอบกลยุทธ์ 5 ปี โดยได้วาง 4 กลยุทธ์หลัก เพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่ 1) การเพิ่มคุณภาพและยกระดับความน่าเชื่อถือของตลาดหุ้นไทย 2) การเพิ่มสภาพคล่อง 3) การสร้างฐานสำหรับอนาคต และ 4) การเตรียมความพร้อมรับกระบวนการปฏิรูปตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นบริษัทมหาชน ในขณะเดียวกัน ยังดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนาตลาดทุนไทยในระยะยาวต่อเนื่อง ผ่านสถาบันกองทุนเพื่อพัฒนาตลาดทุน (CMDF) ซึ่งกลยุทธ์หลักทั้ง 4 ข้อนี้ จะเป็นการสร้างความแข็งแกร่งตลาดหุ้นไทยรอบด้าน เน้นเพิ่มคุณภาพและปริมาณธุรกรรมเพื่อเป็นรากฐานสำคัญของตลาดทุนไทย และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตในระยะยาว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ