"พอเพียง - พึ่งตนเอง" ศาสตร์พระราชทานนำทางความยั่งยืน

ข่าวทั่วไป Monday January 4, 2010 14:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ม.ค.--ศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย การพัฒนาประเทศด้วยระบบทุนนิยม มุ่งเน้นให้เสรีภาพแก่ภาคเอกชนดำเนินกิจการทางเศรษฐกิจ แข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งผลกำไรเป็นหลัก จนก่อเกิดผลกระทบตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่เกิดจากการมีฐานะ เงินทอง การศึกษาไม่เท่ากัน ผู้ที่มีเหนือกว่าย่อมได้เปรียบผู้ที่ด้อยกว่า ภาวะการขาดแคลนยิ่งมีมากขึ้น และการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติก็จะตามมา ดังจะเห็นได้จากวิกฤตการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งในสังคมไทยและสังคมโลก เช่น วิกฤตต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 หรือแม้แต่วิกฤตแฮมเบอเกอร์ ที่เกิดเมื่อปี 2551 และที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ วิกฤติหนี้สินก้อนใหญ่ ของดูไบเวิลด์ ปัญหาเหล่านี้ทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างไม่ว่าจะเป็น ภาวะคนตกงาน ปิดบริษัท การฆ่าตัวตาย มีหนี้สิน แต่ใช่ว่าเมื่อเกิดวิกฤตการณ์แบบนี้แล้วจะหาทางออกไม่ได้ ถ้าลองหันมามองและค้นหาก็จะพบว่า ยังมีทางออกทางแก้อีกหลายทาง หนึ่งในนั้นคือการน้อมนำพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง” มาปรับใช้เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต ให้อยู่ในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงได้อย่างสมดุล ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร หรือ ‘อาจารย์ยักษ์’ ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียงและประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ผู้เคยรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท รับราชการใกล้ชิดกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหน่วยงานสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) สำนักนายกรัฐมนตรีกว่า 16 ปี กล่าวถึงโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ว่า ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการเกษตร เช่น การปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ ทำนาข้าว ปรับปรุงดินและน้ำ ปลูกพืชป่าและสมุนไพร ปลูกหญ้าแฝก และอีกมากมาย แต่ที่พระองค์ทรงเน้นคือให้เกษตรกรและประชาชนรู้จักการพึ่งตนเอง และได้พระราชทาน “ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง” “พระองค์ท่านทรงเคยมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงไว้เมื่อปี 2525 ที่ศูนย์การศึกษาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริว่า งานที่เรากำลังทำ ทำไปเถอะ คนเขาจะยังไม่รู้หรอกว่าสิ่งนี้มีค่า แต่เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป จนถึงวันที่เขาเห็นความจำเป็น เขาจะมาศึกษาเอง สิ่งที่พระองค์ได้ตรัสไว้ในวันนั้น ปัจจุบันนี้ได้ส่งผลแล้ว โลกทั้งโลกต่างลุกขึ้นเตือน ไม่เว้นแต่ละวันว่า มนุษย์จะอดอาหารตายกันเป็นจำนวนมาก ประชาชน 2 พันล้านคนเกือบครึ่งโลกไม่มีอาหารจะกิน ดังนั้นเราจะต้องเรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจแบบพอเพียง มิฉะนั้นจะอดตาย ดังคำกล่าวที่ว่า “เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาสิของจริง” อดีตข้าราชการ กปร.กล่าว ดังนั้นเพื่อสนองในพระมหากรุณาธิคุณ ดร.วิวัฒน์ ได้รวบรวมกลุ่มคนในหลาย ๆ อาชีพ ที่มีแนวคิดอุดมการณ์คล้ายกัน นำแนวคิดทฤษฎีใหม่เศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้กับการทำการเกษตรและการดำรง ชีวิตให้อยู่รอดได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งรณรงค์ให้เกษตรกรเลิกใช้สารเคมี หยุดการพึ่งพาชาติตะวันตก หันกลับมาพึ่งพาตนเอง จนก่อเกิดเป็น “ชมรมกสิกรรมธรรมชาติ” ก่อนจะจดทะเบียนเป็น “มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ” ในปี 2544 รวมถึงมีการจัดตั้ง “สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง” ปี 2545 “เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการแก้วิกฤตชาติโดยการน้อมนำศาสตร์ของพระราชามาสู่การ ปฏิบัติ สนับสนุนให้ชุมชนพึ่งตนเองได้ พึ่งพาอาศัยกันและการพึ่งพิงกันกว้างขวางยิ่งขึ้นตามแนวพระราชดำริ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวทฤษฎีใหม่ และจากการเผยแพร่ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงไปยังภาคส่วนต่างๆในสังคม ทำให้ทุกวันนี้มีประชาชน เกษตรกร ภาครัฐ ภาคเอกชน คนรุ่นใหม่หันมาดำเนินชีวิตใช้วิถีพอเพียงโดยศาสตร์พระราชานำทางมากขึ้น”อ.ยักษ์ กล่าว นอกจากนี้ นายปัญญา ปุลิเวคินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ มูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวถึงวิถีชีวิตแบบพอเพียงว่า สามารถทำให้คนพึ่งตนเองได้ การที่จะนำแนวพระราชดำริของพระเจ้าอยู่มาใช้ต้องทำอย่างจริงจัง เพราะสิ่งที่พระองค์ท่านรับสั่งตั้งอยู่บนหลักวิชาการ แต่ก็ไม่ยึดติดกับหลักวิชาการมากเกินไปจนทำให้ประชาชนนำมาปฏิบัติไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องความพอเพียงที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญมากขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ