กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--บล.บัวหลวง
DSGT ผู้ผลิตผ้าอ้อมรายใหญ่ ในไทย เตรียมขายหุ้น IPO ปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ตั้งราคาเสนอขายให้ส่วนลดนักลงทุนประมาณ 30% หวังระดมทุนสร้างฐานการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) (บล.บัวหลวง) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“DSGT”) เปิดเผยว่า บริษัท DSGT ซึ่งเป็นผู้นำตลาดผ้าอ้อมในไทยมีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 75.193 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน 60 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมของผู้ถือหุ้นเดิม 7 ราย 15.193 ล้านหุ้น และคิดเป็น 25.06% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเสนอขาย โดยจะเปิดให้จองหุ้น 24-26 กรกฎาคม นี้
บล.บัวหลวง จะกำหนดราคาเสนอขายหุ้นที่แน่นอนในวันที่ 20 กรกฎาคม โดยให้นักลงทุนสถาบันทำ Bookbuild ราคาเข้ามา สำหรับช่วงราคาระหว่าง 3.20 — 3.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งบริษัทได้กำหนดโดยพิจารณาจากบริษัทที่ประกอบธุรกิจประเภทเดียวกันและภาวะตลาดในขณะนี้ โดยในช่วงราคาดังกล่าว หุ้น DSGT มีค่า P/E ที่ 7.0 — 7.5 เท่า ขณะที่ค่า P/E โดยเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมอยู่ที่ 10 เท่า ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งราคาเสนอขายที่ให้ส่วนลดแก่นักลงทุนประมาณ 30% เพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดี ซึ่งเป็นการคำนวนจากค่าพีอีของช่วงราคาหุ้นเมื่อเทียบกับค่าพีอีของกลุ่มอุตสาหกรรม อีกทั้งบริษัทมีนโยบายในการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัท DSGT มีศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง อันเป็นผลมากจากแนวโน้มการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นของผ้าอ้อมและต้องการความสะดวกสบาย อีกทั้ง DSGT มีนโยบายการตลาดเชิงรุกมากขึ้น โดยทีมงานด้านการตลาดจะขยายการขายไปยังตลาดต่างจังหวัดและเพิ่มการขายตรงไปยังโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน และร้านขายยามากยิ่งขึ้น
แนวโน้มตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ มีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงความสะดวกสบายและสุขอนามัยของการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป โดยผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กจะใช้ได้กับทารกแรกเกิด จนถึงอายุประมาณ 2-3 ปี และผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่จะใช้กับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ
ปัจจุบัน บริษัท DSGT มีส่วนแบ่งในตลาดเมืองไทยอันดับหนึ่ง สำหรับผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และอันดับสอง สำหรับผ้าอ้อมเด็ก โดยมีอัตราการเติบโตของยอดขายโดยเฉลี่ย 15-20% ต่อปีสำหรับผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และ 10% ต่อปีสำหรับผ้าอ้อมเด็ก ทั้งนี้ DSGT มีการผลิตสินค้าและทำการตลาดครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมเด็กในกลุ่มพรีเมี่ยม ได้แก่ แบรนด์ “Fitti Soft Comfort” กลุ่มระดับกลาง ได้แก่ แบรนด์ “BabyLove” และกลุ่มราคาประหยัด “Fitti Basic” ส่วนผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ในกลุ่มพรีเมี่ยม ได้แก่ แบรนด์ “Dispo123” กลุ่มระดับกลาง ได้แก่ แบรนด์ “Certainty Guard” และกลุ่มราคาประหยัด ได้แก่ แบรนด์ “Certainty”
ในไตรมาสแรกของปีนี้ DSGT มีรายได้รวม 625.74 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 34.35 ล้านบาท สำหรับปี 2548 บริษัทมีรายได้จากการขาย 2.27 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 105.98 ล้านบาท
บริษัท DSGT จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 9 สิงหาคม โดยซื้อขายอยู่ในกลุ่มของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน ซึ่งได้กู้มาเพื่อซื้อเครื่องจักรและขยายโรงงานการผลิต
บริษัท DSGT มีโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่เขตประกอบการอุตสาหกรรม เอส ไอ แอล จังหวัดสระบุรี ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ดำเนินการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ และยังเป็นฐานการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น จีน อินเดีย บังคลาเทศ และปากีสถาน เป็นต้น นอกจากนี้ DSGT มีบริษัทย่อยในประเทศสิงคโปร์ ถือหุ้นอยู่ 100% ที่มาเลเซีย ถือหุ้นอยู่ 100% และอินโดนีเซีย ถือหุ้นอยู่ 60% โดยทั้ง 3 ประเทศดำเนินการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็ก ยกเว้นที่สิงคโปร์ จะดำเนินการจัดจำหน่ายเท่านั้น
DSGT เป็นบริษัทในเครือของบริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ฮ่องกง และมีบริษัทในเครืออยู่ในประเทศ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ โดยดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
สื่อมวลชนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณปิยวรรณ อนันต์เวทยานนท์ (เอ๋)
ที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์
0-1944-1972