กรุงเทพฯ--6 ม.ค.--กู๊ด มอร์นิ่ง มันเดย์
“การใช้จ่ายอย่างประหยัดนั้น จะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเอง และครอบครัว ช่วยป้องกันความขาดแคลนในวันข้างหน้า การประหยัดดังกล่าวนี้จะมีผลดีไม่เฉพาะแก่ผู้ที่ประหยัดเท่านั้น ยังเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติด้วย” (พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 31 ธ.ค.2502) และไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยมาเพียงใด พระราชดำรัสของพระองค์ท่าน ก็ยังเป็นหลักในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่า...
นับเป็นข่าวดีรับปี 2553 เมื่อครัวเรือนเกือบ 9,000 แห่งในเขตกรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ ได้เข้าร่วมในโครงการประหยัดไฟระดับมหานคร The Bangkok Big Switch และสามารถทำสถิติลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าให้แก่ประเทศได้ทั้งสิ้นกว่า 1.16 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นปริมาณคาร์บอนถึง 7 แสนกิโลกรัม ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ประเทศไทยลดปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลงได้อย่างมาก แต่ยังทำให้มวลชนจำนวนมากได้ตระหนักถึงความสำคัญของการประหยัดพลังงาน และเรียนรู้ที่จะดำรงชีวิตอยู่ในโลกอย่างสมดุลและยั่งยืนอีกด้วย
โครงการประหยัดไฟระดับมหานคร The Bangkok Big Switch ริเริ่มขึ้นโดยธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย และแรงสนับสนุนอย่างดียิ่งจากเหล่าพันธมิตรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง กรุงเทพมหานคร บริติช เคานซิล และแอลจี อีเลคทรอนิคส์ เป็นต้น โดยนางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและสื่อสาร ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย เล่าถึงที่มาของโครงการว่า “ โครงการ “The Bangkok Big Switch” เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาโลกร้อนอย่างยั่งยืนด้วยการลดใช้พลังงานในครัวเรือน ในเขตพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ เป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งน่ายินดีที่มีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจเข้าร่วมแข่งขัน”
ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ธนาคารเอชเอสบีซี ได้ประกาศผลผู้ที่ได้รับรางวัลจากโครงการประหยัดไฟ จำนวน 200 ราย และจัดพิธีมอบรางวัลแก่ครัวเรือนที่ประหยัดไฟได้สูงสุด 10 อันดับแรก ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ โดยรางวัลเป็นชุดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ชนะการแข่งขันได้เผยเทคนิคการประหยัดไฟของตนเองเพื่อให้คนอื่น ๆ ได้นำไปใช้บ้าง
ดร.จิรพรรณ เลี่ยงโรคาพาธ ผู้ช่วยคณบดีสถาบัน Asian Institute of Technology (AIT) และนายสมชาย เลี่ยงโรคาพาธ เป็นหนึ่งในครอบครัวตัวอย่างที่รวมพลังคว้ารางวัลชนะเลิศ แย้มกลยุทธ์ประหยัดไฟว่า “เป็นครั้งแรกที่เริ่มประหยัดไฟแบบจริงจังในครอบครัว เราวางแผนการใช้ไฟฟ้าในบ้านใหม่หมดจากที่เคยเปิดไฟทิ้งไว้ 5 ดวงเวลานอน ก็ลดเหลือ 2 ดวง ปิดแอร์เร็วขึ้น เปิดช้าลง วันเสาร์-อาทิตย์งดการเปิดแอร์ แต่พาลูก ๆ ไปเดินห้างแทน ส่วนน้ำอุ่นนั้นจะเปิดใช้เฉพาะลูกอาบน้ำ ส่วนเสื้อผ้าจะรีดรวมกันทีเดียวใน 1 สัปดาห์ ไม่รีดตัวเว้นตัวเหมือนเมื่อก่อน เสื้อผ้าชิ้นอื่นๆที่ไม่ยับก็ไม่ต้องรีด และสุดท้ายเราตัดสินใจปิดแอร์ 1 เดือนเต็ม รวมทั้งดึงปลั๊กตู้เย็นหันมาดื่มน้ำอุณหภูมิห้องแทน ...ช่วงแรก ๆ ลูกแฝดวัย 4 ขวบก็งอแง แต่เมื่อเราให้เหตุผล ลูก ๆ ก็ยอมร่วมมือ จึงรู้สึกว่า
ไม่เพียงช่วยปลูกฝังเรื่องประหยัดพลังงานให้แก่ลูก ๆ เท่านั้น แต่ยังทำให้รู้ว่าบางสิ่งนั้นเกินความจำเป็นในชีวิต เมื่อเริ่มต้นประหยัดไฟฟ้า เราไม่เพียงช่วยโลกให้เย็นขึ้น แต่ยังช่วยให้ตัวเองมีเงินเหลือเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปใช้ในสิ่งจำเป็นอื่น ๆ อีกด้วย”
นายพลเทพ โน่นใหม่ ช่างซ่อมโทรศัพท์มือถือ ผู้คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 2 เล่าว่า “ผมใช้วิธีหุงข้าวตอนเช้าเผื่อกลางวันไปเลยจะได้ไม่ต้องเสียบปลั๊กบ่อย ๆ ปิดไฟดวงที่ไม่ได้ใช้ เลิกใช้รีโมท เปลี่ยนมาใช้วิธีการเปิดปิดสวิตช์โทรทัศน์โดยตรง และพยายามล้างตู้เย็นทุกสัปดาห์ เวลาใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสร็จ จะถอดปลั๊กออกทันที หากไปต่างจังหวัดผมจะยกเบรกเกอร์ลง ..เมื่อก่อนผมเสียค่าไฟประมาณเดือนละ 400-500 บาท พอเข้าร่วมโครงการแข่งขัน ผมไม่ต้องเสียเลย เพราะใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วย ซึ่งพอดีกับที่รัฐบาลมีนโยบายออกค่าไฟฟ้าให้ กลายเป็นผลดี แถมยังได้รางวัลด้วย และได้ปลูกฝังนิสัยเรื่องการใช้ไฟฟ้า ทุกวันนี้สมาชิกในบ้านคอยช่วยกันประหยัดไฟฟ้าจนเป็นนิสัยไปแล้ว”
ส่วนนายมิติ รุจานุรักษ์ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 3 เปิดใจว่า “ค่าไฟก่อนเข้าร่วมโครงการกับตอนนี้ต่างกันเกือบ 5 เท่าครับ หนึ่งในเทคนิคของผมคือ เอาต้นไม้ไปปลูกเพื่อบังผนังบ้านไว้ จะได้ช่วยดูดซับความร้อนจากแสงอาทิตย์ และใช้ผ้าม่านสีขาวเพื่อช่วยให้อากาศในบ้านเย็นขึ้นครับ”
ขณะที่นางศิริลักษณ์ อติวิชญ์สกุล หนึ่งใน 10 ผู้ชนะการแข่งขัน บอกว่า “ก่อนหน้านี้ พี่กับลูก ๆ จะเข้านอนกันก่อน ส่วนสามีจะดูโทรทัศน์อยู่ข้างล่าง แต่พอเข้าร่วมโครงการฯ สามีก็งดดูโทรทัศน์ และขึ้นนอนพร้อมลูก ปิดไฟเล่านิทานให้ลูกฟังจนหลับกันไป ทำให้ช่วยเพิ่มสายใยรักในครอบครัวด้วย และยังเป็นครั้งแรกที่ครอบครัวไม่ต้องจ่ายค่าไฟเอง เพราะใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วยที่รัฐบาลกำหนดค่ะ”
ด้าน หนิง-ศรัยฉัตร กุญชรฯ จีระแพทย์ พิธีกรในงาน กล่าวว่า “ทุกวันนี้ประหยัดอะไรได้ก็ประหยัด หยุดใช้ไฟที่ไม่จำเป็น ที่บ้านใช้หลอดประหยัดไฟ และบางครั้งใช้พัดลมแทนการเปิดแอร์ พอมาเทียบตอนสิ้นเดือนมันจะทำให้เราภูมิใจที่เราจ่ายค่าไฟน้อยลง ซึ่งพยายามทำแบบนี้ให้ได้ทุกเดือน ทำให้มีเงินเหลือเก็บ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นยังไงต่อไป หรือไม่ก็มีเงินแบ่งไปบริจาคหรือทำบุญได้ด้วย”
โดยโครงการฯนี้ ยังได้รับความสนใจจากหน่วยงานด้านการศึกษาเข้าร่วมโครงการประหยัดไฟครั้งนี้อีกด้วย คือ โรงเรียนวัดหนองใหญ่ เขตสายไหม
ด.ญ. รดาชม พรมนิวาส (น้องมุก) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตัวแทนนักเรียนโรงเรียนวัดหนองใหญ่ กล่าวว่า “ตอนแรกหนูก็คิดว่าเราจะทำได้จริงหรือ เพราะโรงเรียนเรามีนักเรียนตั้งกว่า 1,000 คน มีตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ครูและผู้อำนวยการได้ประกาศรณรงค์เสียงตามสาย พวกเราก็ช่วยกัน มีการตั้งคำขวัญ ประกวด ช่วยกันเป็นหูเป็นตาในกลุ่มนักเรียนกันเอง และเลยไปถึงที่บ้านและชุมชนด้วย มีการประกวดว่ายอดบิลค่าไฟบ้านนักเรียนคนใดใช้ไฟน้อยที่สุด ก็จะได้รับรางวัล ทำให้ติดเป็นนิสัยเรื่องการประหยัดไฟจากบ้านมาสู่โรงเรียนโดยอัตโนมัติค่ะ”
นอกจากพิธีมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะการแข่งขันโครงการประหยัดไฟแล้ว ธนาคารเอชเอสบีซี พร้อมทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชนที่เป็นพันธมิตรในโครงการ The Bangkok Big Switch ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOUs) ร่วมกัน เพื่อช่วยกันสานต่อโครงการในส่วนที่ 2 คือ การก่อสร้างห้องสมุดสีเขียว มอบเป็นของขวัญให้แก่ชาวกรุงเทพฯ ในปี 2553 นี้อีกด้วย โดยคาดว่าจะเป็นห้องสมุดต้นแบบที่ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าโดยใช้วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
จึงนับเป็นข่าวดี เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยหันมาช่วยกันประหยัดไฟ แม้จะเป็นการกดปิดสวิตช์ไฟ วันละนิด แต่ก็สามารถทำให้ชีวิตน่าอยู่ขึ้น ข้อสำคัญ เป็นการนำพระราชดำรัสของในหลวงมาปฏิบัติอย่างแท้จริง ….ปี 2553 นี้ มาร่วมกัน “ปิดสวิตช์ไฟ” ช่วยชาติกันดีกว่า...
สื่อมวลชนที่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย หรือ ภรณ์ธณัฐ , ฐิภา
สาวิตรี หมวดเมือง ที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์
โทร 02-614-4606 บริษัท กู๊ด มอร์นิ่ง มันเดย์ จำกัด
โทร 02-953-9624-5 ต่อ 801 , 806