กรุงเทพฯ--8 ม.ค.--บสย.
บสย. เผย 4 ยุทธศาสตร์ดำเนินงานปี 53 พร้อมประกาศขยายเวลาค้ำประกันฟรี ไปถึง 6 มี.ค.53 ภายหลังครม.มีมติเห็นชอบตามก.คลังเสนอ โดยอิงความสำเร็จของโครงการ Portfolio Guarantee Scheme ยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำฯ ส่งผลให้ยอดค้ำประกันปี 2552 สูงกว่า 22,000 ล้านบาท คาดช่วง 3 เดือนการขยายเวลายอดค้ำฯ เพิ่ม 8,000 ล้านบาท และจะส่งผลให้ยอดรวมครบตามเป้า ครม.อนุมัติ 30,000 ล้านบาท
ดร.พิชิต อัคราทิตย์ ประธานกรรมการ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. เปิดเผยว่า ขณะนี้ บสย. ได้ดำเนินการขยายเวลาค้ำประกันฟรี (ไม่มีค่าธรรมเนียม) ออกไปถึงวันที่ 6 มีนาคม 2553 ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 5 มกราคม 2553 ที่เห็นชอบตามกระทรวงการคลังเสนอขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันปีแรก สำหรับโครงการ Portfolio Guarantee Scheme ของบสย.จากเดิมที่กำหนดไว้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552
รวมถึงเสนอให้รัฐชดเชยค่าธรรมเนียมการค้ำประกันที่บสย.ยกเว้นไม่เรียกเก็บจากลูกค้าในปีแรกของโครงการ Portfolio Guarantee Scheme โดยให้คำนวณค่าชดเชยในอัตราร้อยละ 1.75 ของวงเงินค้ำประกันที่บสย.อนุมัติจริง ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงวันที่ 6 มีนาคม 2553 ในวงเงินไม่เกิน 525 ล้านบาท ทั้งนี้ ในรายละเอียดที่กระทรวงการคลังเสนอต่อที่ประชุม ครม. ได้รายงานผลการดำเนินงานโครงการดังกล่าวว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี
โดยเห็นได้จากสรุปการดำเนินงานปี 2552 บสย.มียอดค้ำประกันสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 รวม 5,694 โครงการ วงเงินอนุมัติรวมกว่า 22,000 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจมากกว่า 40,000 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงานและช่วยลดปัญหาการเลิกจ้างจำนวน 177,162 คน ทั้งสร้างการจ้างงานใหม่อีกประมาณ 22,795 คน ดังนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการปล่อยสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินและช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการ SMEs ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ทาง ครม.จึงเห็นควรขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมและชดเชยรายได้ให้กับ บสย.ตามที่เสนอ
ดร.พิชิต กล่าวเสริมว่า สำหรับประเภทอุตสาหกรรมที่ได้รับการอนุมัติค้ำประกันสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.) บริการ จำนวน 979 ราย วงเงินอนุมัติ 4,566 ล้านบาท 2.) อาหารและเครื่องดื่ม 516 ราย วงเงินอนุมัติ 2,476 ล้านบาท 3.) เหล็ก ผลิตภัณฑ์ โลหะ จำนวน 638 ราย วงเงินอนุมัติ 2,274 ล้านบาท 4.) การผลิตสินค้าและการค้าอื่นๆ จำนวน 702 ราย วงเงินอนุมัติ 2,126 ล้านบาท 5.) เกษตรกรรม จำนวน 473 ราย วงเงินอนุมัติ 1,693 ล้านบาท
“ที่ผ่านมาโครงการนี้ผลตอบรับดีมาก เพราะเป็นการฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งจากเดิม บสย.เรียกเก็บที่ 1.75% กระทั่งหมดเขตโครงการก็ยังมี SMEs ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการขยายเวลาค้ำประกันฟรีของ บสย.เป็นจำนวนมาก การที่ครม.มีมติขยายกรอบเวลาการค้ำประกันฟรี ออกมาจะเป็นโอกาสดีให้ผู้ประกอบการได้ขยายการลงทุน ตอบรับกับช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว”
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการขยายเวลาดังกล่าว กอรปกับการดำเนินการเชิงรุกตามแผนยุทธศาสตร์ของ บสย. ทั้งการจัดคลินิกค้ำประกันสินเชื่อให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือ SMEs กรณีที่ติดปัญหาในการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้บสย.มียอดค้ำประกันในช่วง 3 เดือนนี้เพิ่มขึ้นอีก 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้ยอดค้ำประกันครบตามเป้าที่ครม.เห็นชอบให้ บสย.ดำเนินโครงการ Portfolio Guarantee Scheme เพื่อค้ำประกันสินเชื่อในวงเงิน 30,000 ล้านบาท
ดร.พิชิต กล่าวปิดท้ายถึงแผนการดำเนินงานปี 2553 ว่า บสย.ยังคงดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะใช้นโยบายการตลาดเชิงรุก ดำเนินกิจกรรมทั้งการตลาดและการประชาสัมพันธ์ควบคู่กัน เพื่อช่วยขยายฐานลูกค้าและสร้างกระแสความสนใจในการขอใช้บริการค้ำประกันสินเชื่ออย่างกว้างขวางขึ้น
ทั้งนี้ เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ 4 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 1.) ยุทธศาสตร์ขยายตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 2.) ยุทธศาสตร์เร่งป้องกันและแก้ไขปัญหาภาระค้ำประกันหนี้จัดชั้นด้อยคุณภาพ 3.)ยุทธศาสตร์สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้องค์กร 4.) ยุทธศาสตร์เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กร เพื่อให้การดำเนินงานสามารถเติบโตอย่างมีคุณภาพและเสถียรภาพในการทำหน้าที่เป็นองค์กรหลักของประเทศที่สนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน
รวมถึงทำให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจในการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบบสถาบันการเงิน และทำให้เกิดความมั่นใจในการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs ภายใต้การค้ำประกันของ บสย.ต่อไป
เผยแพร่โดยสำนักประชาสัมพันธ์
โทร.0-2308-2741 ต่อ 361,162
สุภาพร/จักรภพ