กรุงเทพฯ--12 ม.ค.--กรมการค้าต่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เปิดตัวศูนย์ปฏิบัติการ AFTA Hotline 1385 เพื่อตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับ AFTA พร้อมช่วยเหลือและให้คำปรึกษาผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจแบบเบ็ดเสร็จ
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นประธานในการเปิดศูนย์ปฏิบัติการ AFTA Hotline 1385 ในวันที่ 8 มกราคม 2553 ณ ชั้น 4 อาคารกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งประเทศไทยมีพันธกรณีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ AFTA ในการลดภาษีสินค้าทุกรายการทั้งเกษตรและอุตสาหกรรมให้เหลือร้อยละ 0 และยกเลิกมาตรการโควตาภาษี ซึ่งได้เริ่มดำเนินการเรื่อยมาเป็นลำดับ โดยในส่วนของไทยมีกำหนดสุดท้าย คือ วันที่ 1 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา
นางพรทิวาฯ เปิดเผยว่า การเปิดตลาดภายใต้ AFTA นี้ ถือเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างสมาชิกอาเซียนย่อมมีทั้งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงการค้าและการลงทุนของไทย แน่นอนว่า ไทยจะได้ประโยชน์จากขนาดตลาดที่ใหญ่ขึ้น มีโอกาสในการขยายการค้า การลงทุนระหว่างประเทศสมาชิก ASEAN ดังจะเห็นได้จากมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับประเทศสมาชิก ASEAN ในปี 2552 มีมูลค่าประมาณ 51,590 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 20.05 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย ถือเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทย
สำหรับในด้านผลกระทบจากการปฏิบัติตามพันธกรณีดังกล่าว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนก็มิได้นิ่งนอนใจ โดยได้มีการหารือเพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติงาน รวมทั้งกำหนดมาตรการรองรับการเปิดตลาดภายใต้ AFTA เพื่อปกป้องผลประโยชน์ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน
นอกจากการเตรียมความพร้อมข้างต้นแล้ว เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องลดความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ ซึ่งกระทรวงฯ ได้วางมาตรการทั้งในเชิงรุกและเชิงรับอย่างเป็นระบบครบวงจรได้แก่
1. จัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการ กำกับดูแลและป้องกันผลกระทบจากการเปิดเสรี AFTA โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน
2. มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ AFTA Hotline 1385 ซึ่งจะปฏิบัติงานในลักษณะของศูนย์เบ็ดเสร็จ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ
- กลุ่มสายด่วน AFTA (Q & A Unit) ตอบคำถามและรับฟังปัญหา ข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับ AFTA และการเปิดตลาด
- กลุ่มติดตามและประเมินสถานการณ์ (Monitoring Unit) ติดตามสถานการณ์การนำเข้า-ส่งออก เพื่อแก้ไขปัญหาได้ทันกับเหตุการณ์
- กลุ่มให้คำปรึกษาสัญจร (AFTA Mobile Unit) เป็นหน่วยเคลื่อนที่ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและให้คำปรึกษากับผู้ที่เกี่ยวข้อง
- กลุ่มมาตรการช่วยเหลือ (Remedy Unit) ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากความตกลง ตลอดจนการเยียวยาผลกระทบและใช้มาตรการช่วยเหลือต่างๆ
3. กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศจะจัดสัมมนาใหญ่ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2553 และเดินสายทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากความตกลง AFTA ให้มากที่สุด พร้อมทั้งติดตามผลและรับฟังความเห็นของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
4. นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งคณะกรรมการฯ จะลงพื้นที่ออกตรวจตราการทำงานที่ด่านนำเข้าอย่างต่อเนื่องเพื่อรับฟังปัญหาและแก้ไขให้ทันท่วงที
นางพรทิวาฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การทำงานของกระทรวงพาณิชย์จะบูรณาการของทุกหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์และประสานกระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการ AFTA Hotline 1385 ของกรมการค้าต่างประเทศจะสามารถให้คำตอบและสร้างความรู้ความเข้าใจในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ AFTA ให้กับผู้ประกอบการและผู้ที่ยังมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ โดยสามารถสอบถามได้ที่ AFTA Hotline 1385 ในเวลาราชการ ไม่เว้นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dft.go.th
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1385 3 MEDIA / IDZ