กรุงเทพฯ--13 ม.ค.--กรมสรรพสามิต
วันนี้ (13 มกราคม 2553) เวลา 13.00 น. นายแพทย์พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต พร้อมคณะเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนเดินทางเข้าเยี่ยมชมและศึกษาดูงาน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ณ โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้า บ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีนายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ให้การต้อนรับ ซึ่งการดำเนินงานของโรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ผลิตรถยนต์นั่งที่มีกระบะ และรถยนต์กระบะ โดยมีกำลังการผลิต 100,000 คัน/ปี ซึ่งนับเป็นโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Plant)
นายแพทย์พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการเยี่ยมชมโรงงานประกอบรถยนต์ว่า ปัจจุบันกระทรวงการคลังได้มีการยกเว้นการจัดเก็บภาษีกรณี ที่มีการส่งออกรถยนต์ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม โดยในปี 2552 ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมรถยนต์ มียอดการจำหน่าย 649,038 คัน มีการจำหน่ายในประเทศ 466,223 คัน คิดเป็นร้อยละ 71.83 ของยอดการจำหน่าย ภาษีสรรพสามิต 49,278.13 ล้านบาท และมีการยกเว้นภาษีรถยนต์จำนวน 182,815 คัน คิดเป็นร้อยละ 28.16 ของยอดการจำหน่าย มีปริมาณการยกเว้นภาษีรถยนต์สูงกว่าเมื่อเทียบกับปี 2551 ซึ่งมีการส่งออก จำนวน 169,997 คัน ทั้งนี้ บริษัทโตโยต้า ยังเป็นบริษัทที่มีฐานการผลิตรถยนต์กระบะที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย และมีการใช้วัตถุดิบในการผลิตรถยนต์กระบะมาจากในประเทศ ร้อยละ 96 นำเข้าเพียงร้อยละ 4 ซึ่งการใช้วัตถุดิบในประเทศที่มีปริมาณมากขึ้นนั้น จะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบของประเทศมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จากนโยบายของกระทรวงการคลังได้มอบให้กรมสรรพสามิตดูแลสินค้าที่ส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นพิเศษ เนื่องจากภายใต้การกำกับดูแลของกรมสรรพสามิตมี โรงอุตสาหกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน เป็นต้น
ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวต่อว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ปัจจุบันผู้ประกอบการรถยนต์ได้ให้ความสำคัญต่อการรักษาคุณภาพของสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้คุณภาพชีวิตและคุณภาพของสังคมดียิ่งขึ้น สำหรับในปีงบประมาณ 2552 กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีจากรถยนต์ได้จำนวน 49,278.14 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2551 ต่ำกว่าร้อยละ 14.79 ซึ่งใน 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2551 คิดร้อยละ 3.31 และในปีงบประมาณ 2553 (ตุลาคม -ธันวาคม 2552) จัดเก็บได้จำนวน 18,874.53 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 สูงกว่าร้อยละ 26.77
อย่างไรก็ตาม การเยี่ยมชมและศึกษาดูงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปสู่วิสัยทัศน์ของกรมสรรพสามิต เป็นองค์กรพลวัตเพื่อการจัดเก็บภาษีที่มีมาตรฐานสากล ปกป้องสังคมและสิ่งแวดล้อม
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
สำนักงานเลขานุการกรม
กรมสรรพสามิต
โทร./โทรสาร 02 241 4778