กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--กทม.
สภากทม. กระทุ้งผู้บริหารทบทวนนโยบาย แนะควรมีรูปแบบเอกสารที่ชัดเจนก่อนนำเสนอญัตติต่อสภากรุงเทพมหานคร แนะก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ห่วงสูญเสียงบประมาณ ทั้งควรปลูกฝังบุตรหลานดูแลผู้สูงอายุแทนการผลักภาระให้กรุงเทพมหานคร ด้านรองผู้ว่าฯ ทยา แจงกทม. พร้อมดึงงบโครงการไทยเข้มแข็ง 3 ก่อสร้างบ้านพักผู้สูงอายุในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม
นายกิตพล เชิดชูกิจกุล ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 1 (ครั้งที่ 2) ประจำปีพุทธศักราช 2553 โดยมีคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร ศาลาว่าการกทม.
ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครมีการเสนอญัตติขอความเห็นชอบดำเนินการนอกเขตกรุงเทพมหานคร โครงการบ้านผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร ด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครมีมติให้สำนักพัฒนาสังคมดำเนินการโครงการบ้านผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร ในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 มาตรา 93 บัญญัติให้การดำเนินการนอกเขตกรุงเทพมหานคร ที่เกี่ยวเนื่องกับภารกิจที่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในเขตกรุงเทพมหานคร สำหรับเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐมที่ยินยอมให้กรุงเทพมหานครเข้าไปดำเนินการ ทั้งนี้การเสนอญัตติขอความเห็นชอบดำเนินการนอกเขตกรุงเทพมหานครดังกล่าวจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานคร
กระทุ้งคณะผู้บริหารกทม. ควรมีรูปแบบเอกสารที่ชัดเจนก่อนนำเสนอญัตติต่อสภากรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ในที่ประชุมมีสมาชิกสภากรุงเทพมหานครได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ถึงการดำเนินงานของผู้บริหารกรุงเทพมหานครในเรื่องของโครงการก่อสร้างบ้านพักผู้สูงอายุ ซึ่งควรที่จะต้องพิจารณาให้รอบคอบและควรสำรวจในพื้นที่ที่จะดำเนินการถึงความเหมาะ รวมทั้งการเสนอญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร ควรเตรียมเอกสารหรือมีข้อมูลในแผนการก่อสร้างและหมวดค่าใช้จ่าย ที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานครมีเวลาศึกษาเพียงพอและพิจารณาตรวจสอบเนื้องานและสามารถที่จะทำความเข้าใจได้ครบถ้วน ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตว่า กรุงเทพมหานครยังไม่มีความพร้อมในการก่อสร้างในโครงการบ้านพักผู้สูงอายุนอกพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมถึงขาดงบประมาณในการดำเนินการในขณะนี้เช่นกัน
หวั่นงบประมาณปานปลาย แนะก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ในที่ประชุม นายวิสูตร สำเร็จวาณิชย์ ส.ก.เขตลาดกระบัง กล่าวว่า ตามที่จังหวัดนครปฐมได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สืบเนื่องจากแต่เดิมทางกรุงเทพมหานครได้ดำเนินการก่อสร้างโรงซ่อมบำรุง ซึ่งการก่อสร้างได้สร้างความเสียหายแก่เส้นทางคมนาคมในท้องถิ่นเป็นอย่างมากและมิได้ทำการซ่อมแซมดังเดิม ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตว่า หากอนาคตกรุงเทพมหานคจะดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าวจริง นอกจากจะมีการก่อสร้างในส่วนของโครงการบ้านผู้สูงอายุ กรุงเทพมหานครยังจะต้องสูญเสียงบประมาณเพิ่มเติมอีกในส่วนการก่อสร้างและซ่อมบำรุงถนนในตำบลท่าตลาด จังหวัดนครปฐม ดังนั้นผู้บริหารควรพิจารณาให้รอบคอบถึงความเหมาะสมและเงินงบประมาณหากจะดำเนินการก่อสร้างในเขตพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ผู้บริหารควรอธิบายถึงเหตุผลและความจำเป็นในการดำเนินการถึงรูปแบบและรายละเอียดที่ชัดเจน
ด้าน นายธวัชชัย ปิยนนทยา ส.ก.เขตสาทร กล่าวว่า ผู้บริหารกรุงเทพมหานครควรให้ความสำคัญในการก่อสร้างโครงการบ้านผู้สูงอายุในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครมากกว่า ทั้งการดำเนินงานของสำนักพัฒนาสัง กทม. ตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันยังไม่มีความพร้อมในด้านบุคลากร วิศวกร ที่จะควบคุมดูแลในการก่อสร้าง หากมีการก่อสร้างหรือไม่ อีกทั้งผู้บริหารกรุงเทพมหานครต้องพิจารณาให้รอบคอบและมีความเหมาะสมในสถานที่และมีสภาพแวดล้อมที่ดีในการอาศัยอยู่ และต้องมีความยั่งยืนและรองรับประชากรผู้สูงอายุในระยะยาว ทั้งนี้ยังมีพื้นที่ในกรุงเทพมหานครยังพื้นที่ที่เหมาะสมและขาดการพัฒนาพื้นที่อยู่อีกมาก ซึ่งผู้บริหารควรจะให้ความสำคัญในด้านนี้ด้วย
ควรปลูกฝังบุตรหลานมีส่วนร่วมดูแลผู้สูงอายุแทนการผลักภาระให้กรุงเทพมหานคร
นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ก.ห้วยขวาง กล่าวว่า สภาพปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีปัญหาที่รอการแก้ไขอยู่ค่อนข้างมาก รวมทั้งโครงการก่อสร้างตามนโยบายที่จำเป็นจะต้องจัดสรรงบประมาณในการดำเนินการ ทั้งนี้ผู้บริหารควรคำนึงถึงโครงการระยะยาว มากกว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น ซึ่งจะเป็นการสูญเสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ทั้งด้านการซ่อมแซมและการก่อสร้างเพิ่มเติม โดยเฉพาะโครงการบ้านผู้สูงอายุ โครงการบ้านพักข้าราชการและลูกจ้างประจำ ซึ่งเสมือนเป็นขวัญกำลังใจอย่างมากอีกด้วย รวมถึงตั้งข้อสังเกตว่า สำหรับการสร้างบ้านพักผู้สูงอายุ เหมือนเป็นการสร้างวัฒนธรรมให้กับสัมคมไทยที่ผิดหรือไม่ ซึ่งผู้บริหารควรมีนโยบายในการปลูกฝังจิตสำนึกให้บุตรหลานในการมีส่วนร่วมในการดูแลแทนการผลักภาระให้กับกรุงเทพมหานคร นอกกจากนี้ในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม ที่มีความยินยอมให้กรุงเทพมหานคร มองว่าเป็นเขตพื้นที่ติดอยู่ใกล้แม่น้ำ ควรที่จะปลูกสิ่งก่อสร้างประเภทอื่นๆเพื่อเป็นการนำรายได้เข้าสู่กรุงเทพมหานครรหรือไม่ เพื่อเป็นการสร้างประโยชน์ในการนำงบประมาณเข้ากรุงเทพมหานครอีกทางหนึ่ง
ดึงงบโครงการไทยเข้มแข็ง 3 ก่อสร้างบ้านพักผู้สูงอายุในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม
นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การดูแลผู้สูงอายุของกรุงเทพมหานครที่ผ่านมานั้น ผู้บริหารชุดปัจจุบันเล็งเห็นถึงความสำคัญในสวัสดิการของกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อป็นการอำนวยความสะดวกในด้านที่พักอาศัยและการรักษาสุขภาพ ทั้งนี้ตามทะเบียนราษฎรมีอยู่ประมาณ 604,475 คน โดยร้อยละ 10 เป็นผู้สูงอายุที่ด้อยโอกาส และคาดว่าในอนาคตจะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นทุกปีและจากสภาพการดำเนินงานสงเคราะห์ผู้สูงอายุของกรุงเทพมหานครที่ประสบปัญหาสถานที่ไม่เพียงพอ รับเฉพาะผู้มีภูมิลำเนาในกรุงเทพมหานครไม่สามารถรับบริการเพศชายได้ และสถานสงเคราะห์ในต่างจังหวัดยังไม่เพียงพอต่อการให้บริการโดยเฉพาะผู้สูงอายุผู้ด้อยโอกาส โดยกรุงเทพมหานครมีแผนที่จะใช้เขตพื้นที่นครปฐม ในการดำเนินการก่อสร้างตามโครงการบ้านพักผู้สูงอายุเพื่อรองรับสภาพความแออัดและให้เพียงพอต่อการพักอาศัยของประชากรผู้สูงอายุในสภาพปัจจุบัน รวมทั้งนโยบายในการก่อสร้างโครงการบ้านพักผู้สูงอายุในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม โดยกรุงเทพมหานครเตรียมดึงงบประมาณจากรัฐบาล ในโครงการไทยเข้มแข็ง 3 เพื่อดำเนินการก่อสร้างในอนาคต ทั้งนี้ผู้บริหารกรุงเทพมหานครจะรับเอาข้อสังเกตไปพิจารณาให้รอบคอบถึงหลักการและเหตุผลในการก่อสร้าง รวมถึงรูปแบบโครงสร้างและรายละเอียดเพื่อให้เห็นเป็นภาพรวม ซึ่งจะนำญัตติเสนอต่อที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครในครั้งต่อไป
ทั้งนี้ภายหลังการอภิปรายของสมาชิกสภากรุงเทพมหานครในที่ประชุม นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขอถอนญัตติขอความเห็นชอบดำเนินการนอกเขตกรุงเทพมหานคร โครงการบ้านผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร ต่อที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครทโดยการขอถอนญัตติ หรือการแก้ไขข้อความยินยอมจากประชุมสภา ตามระเบียบข้อบังคับ 53 สภากรุงเทพมหานคร 2541