กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--กระทรวงไอซีที
ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยในการแถลงผลงานในรอบ 12 เดือนและนโยบายการปฏิบัติงานปี 2553 ว่า ในปีที่ผ่านมากระทรวงไอซีทีได้ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการผลักดันให้เกิดการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี ที่ถือเป็นตลาดใหม่ของบมจ.ทีโอที ซึ่งทางทีโอที พร้อมให้บริการทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยขณะนี้กำลังทำการปรับปรุงสัญญาณให้ครอบคลุมเต็มพื้นที่ให้บริการภายใน 90 วัน โดยเฉพาะจุดอับสัญญาณในบางสถานที่ที่ไม่สามารถให้บริการได้ เช่น ใต้อาคารต่างๆ รวมถึงแหล่งชุมชนที่มีปริมาณการใช้ค่อนข้างสูง
“หลังจากนั้นกระทรวงฯ จะดำเนินการผลักดันเรื่องการให้บริการอินเทอร์เน็ต โดยได้ตั้งเป้าหมายให้ประชาชนร้อยละ 50 สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งส่วนหนึ่งจะมาจากการใช้งานผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี ที่จะสามารถเปิดให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศในปี 2555 และขณะนี้ทางทีโอที ได้จัดทำแผนงานธุรกิจเพื่อขยายการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จีทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว
พร้อมกันนี้จะมีการผลักดันการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชนให้ครอบคลุมทุกอำเภอทั่วประเทศภายในปี 2553 ประมาณ 600 กว่าศูนย์ พร้อมกันนี้จะมีการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านไอซีที โดยมีทั้งโครงการต่างๆ ของหน่วยงานในสังกัด เช่น สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) รวมถึงการจัดงาน MICT สร้างคน สร้างชาติขึ้นในภูมิภาคต่างๆ มาแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งครั้งล่าสุดได้จัดที่จังหวัดเชียงใหม่และประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ส่วนในปีนี้จะเริ่มจัดที่จังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 4-7 กุมภาพันธ์ 2553 โดยร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดในการจัดงาน หลังจากนั้นจะไปจัดที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 1-10 พฤษภาคม 2553 และจะจัดงานต่อในจังหวัดภาคกลางซึ่งอยู่ระหว่างการคัดเลือกสถานที่ โดยปัจจัยหนึ่งที่ใช้คัดเลือก คือ เป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาครวมถึงเป็นศูนย์รวมด้านการศึกษาด้วย จากนั้นจึงจะจัดครั้งใหญ่ในกรุงเทพมหานคร” ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ฯ กล่าว
ส่วนการดำเนินงานในปี 2553 ของบมจ.ทีโอทีนั้น ได้มอบนโยบายให้ขยายการให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานในเขตภูมิภาค เพื่อให้มีระบบสื่อสารเพิ่มมากขึ้นกว่าระบบโทรศัพท์สาธารณะ โดยได้ตั้งเป้าหมายการขยายบริการเอาไว้ประมาณ 1 ล้านหลังคาเรือน ในพื้นที่ตำบลหรืออำเภอขนาดใหญ่ที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมากพอที่จะคุ้มค่าการลงทุนขยายคู่สาย ซึ่งอาจจะต้องมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อแข่งขันกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย
นอกจากนี้ ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวการปลดคณะกรรมการบริหาร บมจ.ทีโอทีของกระทรวงการคลัง ว่า “ตนเองยังไม่ได้รับรายงานข้อมูลกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งการยกเลิกคณะกรรมการบริหารนั้นคงไม่สามารถดำเนินการได้โดยง่าย ต้องมีการพิจารณาผลการปฏิบัติงานว่ามีความผิดใดจึงจะยกเลิก อย่างไรก็ตาม จะติดตามข้อมูลในเรื่องดังกล่าวต่อไป”
สำหรับการดำเนินงานในเรื่องอื่นๆ ก็จะมีการแก้ไขปัญหาสัญญาดาวเทียม ซึ่งจะหาข้อสรุปกับ บมจ.ไทยคมให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 สัปดาห์ แล้วจึงนำเข้าหารือกับนายกรัฐมนตรี ก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป พร้อมกันนี้ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการต่างๆ ที่มีแผนงานอยู่แล้วตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ
นอกจากนั้นในวันที่ 15-18 กุมภาพันธ์นี้กระทรวงฯ จะมีการเปิดตัวสถานีโทรทัศน์ ICT Network ที่กระทรวงฯ และหน่วยงานในสังกัดได้ร่วมมือกับสมาคมธุรกิจและภาคเอกชนจัดทำขึ้น เพื่อนำเสนอรายการด้านวิชาการเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในหลากหลายรูปแบบที่ประชาชนเข้าถึงได้ เผยแพร่ผ่านทางอินเทอร์เน็ต และเคเบิลทีวีผ่านช่องสัญญาณดาวเทียมของบมจ.กสทฯ โดยใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนรายการเปิดตัวสถานีฯ นั้นจะเป็นการถ่ายทอดสดการจัดงาน GSM WORLD Congress จากเมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน ซึ่งภายในงานนี้จะมีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่จากทั่วโลก
สำหรับความคืบหน้าของการแก้ไขสัญญาสัมปทานของบมจ.ทีโอที จำนวน 5 สัญญา และบมจ.กสท โทรคมนาคมจำนวน 5 สัญญานั้น ได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานพิจารณารายละเอียดของการแก้ไข เช่น ดำเนินการแก้ไขในข้อใดบ้าง สัญญาใดที่สร้างความเสียหายให้รัฐบ้างอย่างไร เพื่อนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของกระทรวงฯ และทั้งสอง 2 หน่วยงาน ซึ่งจะจัดขึ้นทุกสัปดาห์ เพื่อพิจารณาอย่างละเอียดในทุกประเด็นและทุกสัญญาที่มีการแก้ไข โดยจะมีการเชิญนักกฎหมายเข้าร่วมการประชุมเพื่อมาดูในข้อกฎหมายด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 021416747 MICT