กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--คูดี
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประกาศเดินหน้าสู่ความเป็นเลิศด้านบริการ ปรับโฉมศูนย์บริการทั่วประเทศให้ทันสมัย เพิ่มบริการทางออนไลน์ ตั้งทีมดิลิเวอรี่ส่งหนังสือรับรองถึงบ้าน ตั้งเป้าเป็น E-Department ภายในสิ้นปี 2553 นี้
นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบวันสถาปนากรมฯ 87 ปี นี้ กรมฯ จะนำนโยบายบริการสร้างสรรค์ (Creative Service) มาให้บริการแก่ประชาชน ภายใต้คำขวัญ “ยิ้มแย้ม โปร่งใส ใส่ใจบริการ” โดยจะพัฒนาศูนย์บริการทั่วประเทศให้ทันสมัย มีรูปแบบเชิงสัญลักษณ์เพื่อให้จดจำง่าย จับทีมงานบริการเข้าคอร์สอบรมให้ความรู้ เพิ่มประสิทธิภาพ และให้มีความพร้อมด้านจิตใจมุ่งให้บริการ รวมทั้งจัดมุมกาแฟไว้บริการประชาชนระหว่างรอรับบริการ พร้อมเตรียมพนักงานต้อนรับไว้คอยบริการ อำนวยความสะดวก
“กรมฯ ได้เพิ่มบริการสำหรับผู้ที่ต้องการขอหนังสือรับรอง หรือ เอกสารทางทะเบียน โดยจะให้มีบริการจัดส่งให้ถึงบ้าน ซึ่งสามารถเลือกรับได้ 2 ทาง คือ การส่ง EMS จะได้รับในวันรุ่งขึ้น แต่ถ้าเลือกใช้วิธีดิลิเวอรี่ที่เปิดบริการในเขตกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และ สมุทรปราการ ก็จะส่งถึงมือได้ภายใน 3 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มเปิดให้บริการแล้ว”
นอกจากนี้ กรมฯ ได้เปิดตัว “ศูนย์สมานฉันท์ธุรกิจ” ขึ้นเพื่อทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทหรือข้อโต้แย้งระหว่างผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นของบริษัท โดยจะให้บริการสำหรับคู่กรณีที่สมัครโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ศูนย์นี้จะเปิดให้บริการกรณีที่มีปัญหาด้านข้อกฎหมายเกี่ยวกับการจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยคลี่คลายปัญหาความไม่เข้าใจระหว่างกันได้ นอกจากจะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องดำเนินคดีกันแล้ว ยังจะช่วยลดภาระของศาลอีกทางหนึ่งด้วย
นายบรรยงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่กำกับดูแลงานของกรมฯ ได้กำหนดเป้าหมายให้กรมต้องพัฒนาให้เป็น E-Department ให้เร็วที่สุดภายในปี 2553 นี้ ดังนั้นกรมฯ จึงตั้งเป้าที่จะเปิดให้บริการใหม่ๆอีกหลายรูปแบบในปีนี้ เช่น การขอหนังสือรับรองผ่านทางธนาคาร การรับจดทะเบียนข้ามเขตจังหวัดได้ การสร้างพันธมิตรให้บริการระหว่างความพร้อมกรมสรรพากร กรมสวัสดิการสังคม และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยห้างหุ้นส่วนบริษัท จะได้รับเลขประจำตัวผู้เสียภาษีในทันทีที่จดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเตรียมเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเตรียมความพร้อมทั้งในด้านเทคนิคและข้อกฎหมาย ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้